ผู้นำฟิลิปปินส์เตือนตำรวจให้ระมัดระวังการใช้กำลังเกินกว่าเหตุในการทำสงครามต่อต้านยาเสพติด และสั่งให้สอบสวนกรณีตำรวจวิสามัญฆาตกรรมเด็กวัยรุ่นเสียชีวิตด้วย ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนท่าทีจากก่อนหน้านี้ที่เคยมีคำสั่งให้กวาดล้างโดยไม่ต้องสนใจคำเตือนขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชน
นายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมนายเคียน เดลอส ซานโตส นักเรียนมัธยมปลาย วัย 17 ปี ในระหว่างปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดที่ย่านชานกรุงมะนิลาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากออกมาเดินขบวนต่อต้านครั้งใหญ่ ซึ่งนายดูแตร์เตยืนยันว่าการปราบปรามยาเสพติดต้องดำเนินต่อไป แต่ก็เริ่มปรับเปลี่ยนท่าที โดยมีการเตือนว่าตำรวจมีหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัยเท่านั้น ยกเว้นกรณีที่มีการใช้อาวุธตอบโต้จึงจะสังหารได้ เพราะถือว่าจำเป็น
อย่างไรก็ตาม นายดูแตร์เตระบุว่าการสังหารคนที่คุกเข่าร้องขอชีวิต ซึ่งหมายถึงกรณีของนายซานโตส ถือว่าเข้าข่ายฆาตกรรม และถ้าผลสอบสวนบ่งชี้ว่าตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุจริง ก็จะถูกลงโทษทั้งหมด โดยนายดูแตร์เตได้ใช้ถ้อยคำรุนแรงว่าตำรวจที่ทำผิดจะถูกปล่อยให้ 'เน่าตายในคุก' ด้วย
ขณะเดียวกัน นายนิค วอร์เนอร์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองของออสเตรเลีย ซึ่งเดินทางเยือนฟิลิปปินส์และเข้าพบกับนายดูแตร์เต เมื่อ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้ใช้โซเชียลมีเดียและสื่อกระแลหลักในออสเตรเลีย หลังจากภาพคู่ซึ่งนายวอร์เนอร์และนายดูแตร์เตชูกำปั้นพร้อมกันถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ โดยผู้ที่ไม่เห็นด้วยมองว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาด เพราะทำให้ดูเหมือนว่าออสเตรเลียไม่สนใจการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์ช่วงที่นายดูแตร์เตปกครองประเทศ
ทั้งนี้ ท่าชูกำปั้นเป็นสัญลักษณ์ที่นายดูแตร์เตใช้หาเสียงเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเขาประกาศอย่างชัดเจนว่าจะใช้กำลังกวาดล้างกลุ่มอาชญากรรมให้หมด ขณะที่สถิติผู้เสียชีวิตในการทำสงครามต่อต้านยาเสพติดช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนอย่างน้อย 3,500 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่รวบรวมโดยทางการฟิลิปปินส์ แต่องค์กรระหว่างประเทศประเมินว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่านั้น คือประมาณ 5,500 - 13,000 คน
เรียบเรียงโดย: ตติกานต์ เดชชพงศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: