ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์ในบริษัทชั้นนำของโลก 116 คน เขียนจดหมายเปิดผนึกให้แก่สหประชาชาติ เตือนให้มีการแบนการพัฒนาอาวุธที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการควบคุม โดยเตือนว่าอาจนำไปสู่การปฏิวัติสงครามครั้งที่ 3
จดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าว มีผู้ร่วมลงนามระดับซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก รวมถึงนายอีลอน มัสก์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารบริษัทเทสลาและสเปซเอ็กซ์ด้วย โดยจดหมายดังกล่าวระบุว่า อาวุธที่พัฒนาโดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรืออาวุธอัตโนมัติ เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต เมื่อถูกพัฒนาขึ้นแล้ว มันจะนำไปสู่ความขัดแย้งและการต่อสู้ในระดับร้ายแรงกว่าที่เคยเป็นมา และใช้เวลาทำลายล้างที่รวดเร็วเกินกว่าที่มนุษย์จะตระหนักได้
อาวุธที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญกล่าวถึง คืออาวุธที่ควบคุมโดยระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เลือกเป้าหมายโจมตีเองได้ โดยไม่ต้องรอคำสั่งมนุษย์ หรือเป็นอาวุธที่สามารถสั่งการได้โดยอัตโนมัติ โดยขณะนี้ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการผลิตอาวุธประเภทนี้ขึ้นอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลขององค์กรฮิวแมนไรท์วอชรายงานว่า ระบบการโจมตีอัตโนมัติ กำลังถูกพัฒนาในหลายสิบประเทศทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐฯ จีน อิสราเอล เกาหลีใต้ รัสเซีย และอังกฤษ
ด้านผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การพัฒนาอาวุธชนิดนีิ้เป็นเรื่องผิดศีลธรรม และเรียกร้องให้สหประชาชาติกำหนดให้อาวุธดังกล่าวเป็นหนึ่งในอาวุธต้องห้าม ตามอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธตามแบบบางชนิดที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงเกินความจำเป็นหรือก่อให้เกิดผลโดยไม่จำกัดเป้าหมาย หรือ CCW ของสหประชาชาติ ที่ไทยไม่ได้ร่วมลงนามเป็นรัฐภาคี
ก่อนหน้านี้ การประชุมเรื่องดังกล่าวของคณะกรรมการของสหประชาชาติได้ถูกกำหนดว่าต้องเป็นวันนี้ (21 ส.ค.)อย่างไรก็ตาม การประชุมดังกล่าวได้ถูกเลื่อนออกไปยังเดือนพฤศจิกายน
จดหมายฉบับดังกล่าว ไม่ใช่ฉบับแรกที่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที เรียกร้องให้มีการแบนและตระหนักถึงอันตรายของระบบอาวุธอัตโนมัติ โดยในปี 2015 ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนักวิทยาศาสตร์ กว่า 1,000 คน รวมถึงสตีเฟน ฮอว์คิง นักฟิสิกส์ชื่อดัง ได้เคยเขียนจดหมายเตือนให้ระวังภัยของอาวุธชนิดนี้มาแล้วในปี 2015