นักวิจัยมหาวิทยาลัยเยล พบว่าผู้รักษามะเร็งเต้านมแบบทางเลือก มีโอกาสเสียชีวิตภายใน 5 ปีมากกว่าผู้รับการรักษาแบบปกติเช่นให้รังสีหรือเคมีบำบัดถึง 5 เท่า

วารสารสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ เผยแพร่ผลการวิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล ที่พบว่าผู้ป่วยมะเร็งที่รับการรักษาด้วยวิธีทางเลือก เช่นการรับประทานอาหารเฉพาะอย่าง รับประทานสมุนไพร หรือคริสตัลบำบัด มีอัตราเสียชีวิตภายใน 5 ปีหลังพบโรคมากกว่าผู้ที่รักษาด้วยวิธีทั่วไปอย่างเคมีบำบัด ฉายแสง และผ่าตัด ถึง 2.5 เท่า

ผลวิจัยดังกล่าวได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลในฐานข้อมูลมะเร็งแห่งชาติ ระหว่างปี 2004-2013 โดยนำข้อมูลจากผู้ป่วยมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก 280 คนที่รักษาด้วยวิธีทางเลือก มาเปรียบเทียบกับข้อมูลของคนไข้อีก 560 คน ซึ่งมีเชื้อชาติ อายุ เพศ และลักษณะของมะเร็งใกล้เคียงกัน

ผลวิจัยดงกล่าวยังพบด้วยว่าผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่รักษาแบบทางเลือกมีโอกาสเสียชีวิตสูงที่สุด โดยเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าคนไข้ทั่วไป 5.68 เท่า ส่วนผู้ป่วยมะเร็งปอดที่รักษาแบบทางเลือก ร้อยละ 80 จะเสียชีวิตภายใน 5 ปี เทียบกับผู้ที่รักษาด้วยวิธีปกติ จะเสียชีวิตภายใน 5 ปีเพียงร้อยละ 60

นักวิจัยจากเยลยังระบุอีกด้วยว่าการที่ผู้ป่วยซึ่งรักษาด้วยวิธีทางเลือกบางส่วนสามารถรอดชีวิตจากโรคมะเร็งได้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะยอมกลับมารักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน หลังมีอาการแย่ลงและมะเร็งลุกลามไปมากขึ้น โดยนายแพทย์สกายเลอร์ จอห์นสัน ผู้วิจัย สรุปว่าผลวิจัยนี้ทำให้ได้หลักฐานบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าการแพทย์ทางเลือกทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีโอกาสรอดน้อยกว่าการแพทย์แผนปัจจุบัน ขณะที่นายแพทย์แครี กรอส ผู้ร่วมวิจัย แนะนำว่าควรที่การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษามะเร็งด้วยวิธีทางเลือก เนื่องจากปัจจุบันยังมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์น้อยเกินไปที่จะพิสูจน์ว่าการรักษาแบบใดได้ผลแค่ไหน ทำให้คนไข้ส่วนใหญ่ต้องตัดสินใจโดยไม่มีข้อมูลเพียงพอ

สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานข่าวนี้โดยอ้างอิงความเห็นจากนายแพทย์จอห์น บริดจ์วอเทอร์ จากโรงพยาบาลยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน ซึ่งระบุว่าไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนยืนยันว่าการรักษามะเร็งด้วยวิธีทางเลือกได้ผล ในกรณีของสหรัฐฯ ผู้ป่วยที่ตัดสินใจรักษาด้วยวิธีทางเลือกมักเป็นผู้มีฐานะและการศึกษาดี เพราะเป็นวิธีที่ราคาแพง และประกันสุขภาพทั่วไปไม่ครอบคลุม แต่คนเหล่านี้มักตกเป็นเหยื่อของธุรกิจการบำบัดโรคมะเร็งทางเลือกที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์