บริษัทซัพพลายเออร์บริเวณชายแดนจีนเปิดเผยว่า มีบริษัทเสื้อผ้าของจีนจำนวนมากขึ้นที่จ้างให้โรงงานเกาหลีเหนือผลิตสินค้าที่แปะป้ายว่า "ผลิตในจีน" หลังยูเอ็นมีมติคว่ำบาตรการนำเข้าถ่านหินจากเกาหลีเหนือ
บริษัทซัพพลายเออร์ในเมืองตานตง บริเวณชายแดนจีนติดกับเกาหลีเหนือเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า บริษัทเสื้อผ้าของจีนจ้างให้โรงงานของเกาหลีเหนือผลิตสินค้าให้มากขึ้น เนื่องจากค่าแรงในเกาหลีเหนือถูกกว่า ซึ่งเสื้อผ้าเหล่านี้จะถูกระบุว่า เป็นสินค้าที่ "ผลิตในจีน" และส่งขายไปทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ด้วย โดยที่ลูกค้าไม่รู้เลยว่าสินค้าเหล่านั้นผลิตในเกาหลีเหนือ
สิ่งทอเป็นสินค้าส่งออกเป็นอันดับ 2 ของเกาหลีเหนือ รองจากถ่านหิน โดยข้อมูลของปี 2016 โดยหน่วยงานส่งเสริมการค้าการลงทุนเกาหลีระบุว่า การส่งออกสินค้าประเภทสิ่งทอของเกาหลีเหนือมีมูลค่าประมาณ 752 ล้านดอลลาร์ ทำให้สินค้าส่งออกทั้งหมดของเกาหลีเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.6
หลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งแบนการนำเข้าถ่านหินจากเกาหลีเหนือโดยสิ้นเชิง ก็มีแนวโน้มว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอของเกาหลีเหนือจะยิ่งเฟื่องฟูขึ้น โดยจีนส่งออกสินค้าไปยังเกาหลีเหนือมากขึ้นถึงเกือบร้อยละ 30 อยู่ที่ 1,670 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2017 โดยส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบสำหรับสินค้าสิ่งทอและสินค้าอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีต้องห้ามของยูเอ็น และเกาหลีเหนือก็จะส่งเสื้อผ้าที่ตัดเย็บเสร็จแล้วไปให้จีน ซึ่งยิ่งทำให้เห็นว่า จีนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือมาก
ก่อนหน้านี้ ริป เคิร์ล แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาของออสเตรเลียออกมาขอโทษเมื่อพบว่า เสื้อผ้าบางส่วนผลิตในโรงงานเกาหลีเหนือ และตำหนิซัพพลายเออร์ที่ไม่ระบุที่มาของสินค้าอย่างชัดเจน
ซัพพลายเออร์ในเมืองตานตงยืนยันว่า การเอาท์ซอร์สจากประเทศอื่นเป็นเรื่องปกติ หลายบริษัทจึงเลือกที่จะใช้โรงงานในเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นของรัฐบาลเกาหลีเหนือ หรือจ้างแรงงานเกาหลีเหนือมาทำงานในโรงงานที่จีน เพราะในขณะที่ค่าแรงในจีนเริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆ การจ้างโรงงานในเกาหลีเหนือสามารถประหยัดค่าแรงไปได้ถึงร้อยละ 75 และแรงงานเกาหลีเหนือสามารถผลิตเสื้อผ้าได้มากกว่าแรงงานจีนถึงร้อยละ 30 ทำงานตั้งแต่ 7.30 - 22.00 น. เนื่องทัศนคติในการทำงานของพวกเขาไม่เหมือนชาติอื่นที่ทำงานเพื่อเงิน แต่พวกเขาทำงานเพื่อประเทศชาติ
ในขณะที่เกาหลีเหนือพึ่งพารายได้จากแรงงานของตัวเองในต่างประเทศ เนื่องจากแรงงานจะได้เงินเป็นสกุลเงินที่แข็งกว่า และค่าแรง 2 ใน 3 ที่ได้จะถูกรัฐบาลเกาหลีเหนือนำไปพัฒนาโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธต่อไป ทำให้มาตรการคว่ำบาตรฉบับใหม่ของยูเอ็นจำกัดไม่ให้มีการเพิ่มจำนวนแรงงานเกาลีเหนือในประเทศต่างๆไปมากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ทางการจีนก็ไม่เคยเปิดเผยว่า มีแรงงานเกาหลีเหนือในประเทศเท่าไหร่ จึงตรวจสอบได้ยาก
