นักรบของกลุ่มไอเอส 4 คน ก่อเหตุโจมตีสถานเอกอัครราชทูตอิรักในกรุงคาบูล โดยกระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถานเปิดเผยว่า ขณะนี้การต่อสู้ได้ยุติลงแล้วและคนร้ายทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิต
กระทรวงมหาดไทยของอัฟกานิสถานเปิดเผยว่า เกิดเหตุคนร้าย 4 คน บุกโจมตีสถานเอกอัครราชทูตอิรัก ซึ่งตั้งอยู่ในย่านชาร์ อี นาวในกรุงคาบูล โดยคนร้ายรายหนึ่งได้จุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายที่บริเวณประตูทางเข้าอาคารสถานเอกอัครราชทูต จากนั้นคนร้ายที่เหลืออีก 3 คนได้บุกเข้าไปภายในอาคาร และเกิดการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอัฟกานิสถานที่พยายามเข้าควบคุมสถานการณ์
ล่าสุด กระทรวงหมาดไทยอัฟกานิสถานเปิดเผยว่า การต่อสู้ได้ยุติลงแล้วและคนร้ายทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบีบีซีกลับรายงานว่า ขณะนี้ยังคงมีเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้
ล่าสุด กลุ่มติดอาวุธไอเอสได้ออกมาประกาศว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ ขณะที่สำนักข่าวบีบีซีตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะเกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงคาบูลขึ้นบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ นับว่าเป็นเหตุโจมตีสถานเอกอัครราชทูตอิรักประจำอัฟกานิสถานครั้งแรก และเกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพอิรักสามารถยึดเมืองโมซุลคืนจากกลุ่มไอเอสได้เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น
นอกจากนี้ เหตุโจมตีสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านครั้งนี้ เกิดขึ้นระหว่างที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเรื่องการเพิ่มกำลังพลที่ประจำการในอัฟกานิสถาน
ข้อมูลของสหประชาชาติระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2017 มีพลเรือนชาวอัฟกันเสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายอย่างน้อย 1,662 ราย ซึ่งร้อยละ 20 เป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงคาบูล โดยกลุ่มไอเอสและกลุ่มก่อการร้ายตอลิบานมักออกมาประกาศว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดรถยนต์ขึ้นที่ย่านพักอาศัยของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ในกรุงคาร์บูล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 คน และกลุ่มตอลิบานได้ออกมาประกาศว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์
เมื่อเดือนมกราคม 2015 กลุ่มไอเอสได้ประกาศตั้งสาขาโคราซาน ในอัฟกานิสถาน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่กลุ่มไอเอสได้ขยายเครือข่ายออกนอกประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง