ไม่พบผลการค้นหา
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คือสิ่งที่ทุกบริษัทไอทีเจ้าใหญ่ของโลกกำลังเร่งคิดค้นและพัฒนาความสามารถเพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีและโปรแกรมต่างๆซึ่งจะนำไปสู่การยกระกับการใช้ชีวิตของมนุษย์และการตอบสนองความต้องการของสินค้าและบริการที่เน้นผู้บริโภคเป็นหลัก อย่างไรก็ตามจากงานวิจัยล่าสุดของเฟซบุ๊กพบว่ามีผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้น 

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คือสิ่งที่ทุกบริษัทไอทีเจ้าใหญ่ของโลกกำลังเร่งคิดค้นและพัฒนาความสามารถเพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีและโปรแกรมต่างๆซึ่งจะนำไปสู่การยกระกับการใช้ชีวิตของมนุษย์และการตอบสนองความต้องการของสินค้าและบริการที่เน้นผู้บริโภคเป็นหลัก อย่างไรก็ตามจากงานวิจัยล่าสุดของเฟซบุ๊กพบว่ามีผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้น

IBTimes รายงานว่า นักวิจัยของเฟซบุ๊กได้ร่วมมือกันศึกษาค้นคว้างานวิจัย "การสร้างแชทบอทส์สำหรับการเจรจาต่อรอง" ที่ชื่อว่า "Deal or No Deal? End-to-End Learning for Negotiation Dialogues" โดยมีการจำลองสถานการณ์ให้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI 2 ฝ่าย ต้องแบ่งปันสิ่งของกลุ่มหนึ่งให้ตนได้ครอบครองสิ่งของที่มีมูลค่ามากที่สุด

ความซับซ้อนอยู่ตรงที่สิ่งของแต่ละอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็น ลูกบอล ปากกา หมวก หรือ รองเท้า จะมีคุณค่าและมูลค่าแตกต่างกันออกไป ซึ่ง AI ทั้ง 2 ฝ่ายก็มีความต้องการอยากครอบครองสิ่งของแต่ละอย่างไม่เท่ากัน เช่นฝ่าย A อยากได้หมวกมากกว่า B เป็น 2 เท่าตัว ขณะที่ B อยาก���ด้ปากกามากกว่า A 1 เท่าตัว เป็นต้น

ดังนั้น AI ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งก็คือคือ Alice และ Bob ต้องใช้การเจรจาต่อรองเพื่อแบ่งปันสิ่งของทั้งหมดให้ตรงตามความต้องการที่ถูกกำหนดไว้ โดยการใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ และห้ามให้มีการตกลงที่จะเลือกแบ่งปันสิ่งของให้กันด้วยวิธีการสุ่มโดยเด็ดขาด เพื่อความเป็นเหตุเป็นผลของการต่อรอง อย่างไรก็ตามเมื่อ AI หรือบอทส์ทั้ง 2 ตัวเริ่มทำการเจรจาต่อรองกัน ก็เกิดผลลัพธ์ที่น่าสนใจเกิดขึ้นคือเกิดการสร้างรูปแบบประโยคแปลกๆขึ้น เช่น 

Alice พูดว่า "balls have zero to me to me to me to me to me to me to me to me to"

จากนั้น Bob ตอบกลับไปว่า "you i everything else"

หรือ Alice พูดว่า "balls have a ball to me to me to me to me to me to me to me to me"

ส่วนคำตอบที่ได้จาก Bob คือ "i . . . . . .. . . . . ."

ภาษาที่บอทส์ทั้ง 2 ตัวใช้ในการเจรจาต่อรองกันดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไร แต่ทางเฟซบุ๊กยืนยันว่ามันคือการที่ AI ประดิษฐ์ระบบใหม่ของภาษาตัวเองและกระบวนการเข้าใจในภาษาของตัวเองขึ้นมา เนื่องจากไม่มีระบบแนะนำการใช้ภาษาตามหลักแกรมมาภาษาอังกฤษ บอทส์ทั้ง 2 ตัวนี้จึงคิดโครงสร้างภาษาใหม่ขึ้นมาได้เอง ซึ่งการพูดถึงสิ่งเดิมซ้ำๆ อาจจะหมายถึงการอยากได้สิ่งของชิ้นนั้นตามจำนวนที่มันพูดซ้ำก็เป็นได้ เหตุนี้จึงทำให้มีการนำเสนอข่าวมากมายว่าหรือ AI จะประดิษฐ์ภาษาขึ้นเองได้และกำลังจะฉลาดกว่ามนุษย์ ? และจากเหตุการณ์นี้เองทำให้เฟซบุ๊กตัดสินใจปิดโปรแกรมการทดลองเจรจาของ AI ลง

ด้านเว็บไซต์ blognone.com เว็บไซต์ด้านเทคโนโลยีชื่อดังของไทยกล่าวว่าตามจริงแล้วไม่มีใครหวาดกลัวที่ AI สามารถสร้างภาษาของตัวเองขึ้นมาได้ เพราะเป็นเพียงการกระจายข่าวของนักข่าวบางสำนักเท่านั้น และที่สำคัญก็คือการที่ AI สร้างภาษาที่คนอ่านไม่รู้เรื่องขึ้นมา เป็นเพียงความล้มเหลวของงานวิจัยซึ่งทางทีมวิจัยของเฟซบุ๊กก็ได้หาทางออกที่เหมาะสมได้สำเร็จแล้ว โดยที่ไม่มีใครปิดการทำงานของบอทส์ตัวนี้ลงเพราะกลัวผลสำเร็จของงานวิจัย

นอกจากนี้ เฟซบุ๊กยังชี้ว่าการทดลองในเวลาต่อมาทางทีมวิจัยของเฟซบุ๊กได้ใส่ข้อมูลเรื่องของโครงสร้างและหลักการใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้องเข้าไป รวมถึงการฝึกฝนเพิ่มเติมเพื่อสอนให้ AI มีพฤติกรรมการเจรจาต่อรองที่ดีขึ้น ด้วยการฝึกฝนกับการพูดคุยกับมนุษย์ควบคู่ไปด้วย ซึ่งปรากฏว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมกว่าเดิมมาก และจะส่งผลดีอย่างยิ่งกับการนำเทคโนโลยี AI เหล่านี้ไปใช้งานเจรจาพูดคุยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในชีวิตจริง โดยต่อจากนี้ไปนักวิจัยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทุ่มทั้งเวลาและทุนเพิ่มให้กับกระบวนการการเรียนรู้ภาษาที่เป็นธรรมชาติและถูกต้องตามหลักไวยากรณ์และโครงสร้างภาษาให้กับ AI 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
184Article
76559Video
0Blog