ผลสำรวจความนิยมของผู้นำญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่อง จนมีคะแนนต่ำยิ่งกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งกำลังตกเป็นข่าวอื้อฉาว ขณะที่ผู้นำพรรคฝ่ายค้านญี่ปุ่นประกาศลาออกหลังอยู่ในตำแหน่งไม่ถึงปี โดยระบุว่าคะแนนนิยมฝ่ายค้านก็ไม่กระเตื้องขึ้นเช่นกัน
สำนักข่าวจิจิของญี่ปุ่นเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีต่อนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 7-10 กรกฎาคม พบว่าคะแนนนิยมของนายอาเบะอยู่ที่ร้อยละ 29.9 โดยตกลงมาถึง 15.2 จุด เมื่อเทียบกับผลสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นผลจากที่รัฐบาลของนายอาเบะกำลังถูกตรวจสอบอย่างหนักจากหลายข้อหา ทั้งเรื่องเอื้อผลประโยชน์ต่อพวกพ้องให้เพื่อนก่อตั้งโรงเรียนที่สนับสนุนแนวคิดขวาจัด และกรณีที่ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นปิดบังข้อมูลเรื่องการส่งทหารไปร่วมปฏิบัติภารกิจกับสหประชาชาติที่เซาท์ซูดาน
นอกจากนี้ นางสาวโทโมมิ อินาดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น ยังได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ หลังจากที่ทหารญี่ปุ่นหลายนายบันทึกข้อมูลว่าภารกิจที่เซาท์ซูดานเป็นอันตรายกว่าที่ประเมินเอาไว้ เพราะเป็นการปฏิบัติภารกิจรูปแบบใหม่ หลังจากที่นายอาเบะผลักดันให้มีการพิจารณาตีความเนื้อหาในรัฐธรรมนูญอีกครั้งช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อเปิดทางให้ญี่ปุ่นยกระดับศักยภาพทางทหารของประเทศได้ แต่กลุ่มต่อต้านเกรงว่าการเพิ่มศักยภาพกองทัพจะทำให้ญี่ปุ่นเสี่ยงต่อการเข้าร่วมสงครามเหมือนในอดีต
ด้านวอชิงตันโพสต์ สื่อของสหรัฐฯ ระบุว่า คะแนนนิยมที่ตกต่ำของนายอาเบะทำให้คะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูดีขึ้นมาได้ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว ทรัมป์จะเป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่ได้คะแนนนิยมต่ำที่สุดในวาระการดำรงตำแหน่งปีแรกเมื่อเทียบกับผู้นำคนอื่นในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยปัจจุบันคะแนนนิยมของนายทรัมป์อยู่ที่ร้อยละ 36.3
อย่างไรก็ตาม นายเจฟฟ์ คิงสตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียวในญี่ปุ่น ยังเชื่อมั่นว่านายอาเบะจะดำรงตำแหน่งต่อไปได้จนถึงปี 2021 โดยประเมินจากที่พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลญี่ปุ่น ยังมีเสียงข้างมากอยู่ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา อีกทั้งนางเรนโฮ มุราตะ ผู้นำพรรคประชาธิปไตย หรือดีพีเจ ฝ่ายค้านของญี่ปุ่น เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อวานนี้ โดยให้เหตุผลว่าต้องการแสดงความรับผิดชอบที่ไม่อาจทำให้คะแนนนิยมของพรรคฝ่ายค้านกระเตื้องขึ้นมาได้ แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะมีข่าวอื้อฉาวออกมามากมายก็ตาม
การลาออกของนางเรนโฮสร้างความประหลาดใจต่อนักวิเคราะห์การเมืองญี่ปุ่นไม่น้อย เพราะเป็นการลาออกจากหลังจากอยู่ในตำแหน่งเพียง 10 เดือน ทั้งยังอยู่ในช่วงที่พรรครัฐบาลกำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากสื่อและประชาชนที่เคยสนับสนุน โดยผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 70 มองว่ารัฐบาลภายใต้การนำนายอาเบะมีความหยิ่งยโสและไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่ก่อนหน้านี้นางเรนโฮก็ถูกโจมตีอย่างหนักเช่นกัน ในฐานะที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไต้หวัน ทำให้เธอต้องนำหลักฐานมาแสดงว่าไม่ได้เป็นบุคคลสองสัญชาติ เพราะสละสถานะพลเมืองไต้หวันไปนานแล้ว
(เรนโฮ มุราตะ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม 'เรนโฮ' ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น หรือ DPJ โดยให้เหตุผลว่าแม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะตกเป็นข่าวอื้อฉาวหลายเรื่อง แต่คะแนนนิยมของพรรคฝ่ายค้านก็ไม่กระเตื้องขึ้นเช่นกัน)