ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คดียุบพรรคไทยรักไทยเกิดขึ้นในขณะที่มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 จนมีการต่อสู้กันในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ และนำไปสู่การฟ้องร้องเป็นคดีอาญา
ข้อกล่าวหาในขณะนั้นพรรคไทยรักไทยถูกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ว่า พรรคไทยรักไทยได้จ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งมีการปลอมแปลงเอกสารฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง โดย กกต.ได้ตั้งอนุกรรมการ พร้อมทั้งมีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทยในข้อกล่าวหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
เหตุการณ์ในช่วงนั้นมีการยึดอำนาจรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 มีการใช้ประกาศ คปค. ฉบับที่ 27ให้กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองใดให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค 5 ปี โดยคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรคเป็นเวลา 5 ปีเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ปี 2550
ส่วนคดีอาญาที่เกี่ยวเนื่องกับคดียุบพรรคไทยรักไทยนั้น ทางอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พลเอกธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลของสำนักงาน กกต. นายชวการ โตสวัสดิ์ อดีตสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย นายสุขสันต์ ชัยเทศ อดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย และนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ อดีตหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2553 ในความผิดเกี่ยวกับการว่าจ้างให้แก้ไขฐานข้อมูลสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยที่ไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งให้ได้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง
โดยวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งหมด การต่อสู้ดำเนินการมาถึงชั้นศาลสู้จนถึงฎีกา กระทั่งวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 ศาลฎีกามีคำพิพากษาเห็นพ้องตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก อดีตพนักงาน กกต.3 ปี 4เดือนไม่รอลงอาญา จำคุก นายชวการ นายสุขสันต์ และนายบุญทวีศักดิ์ คนละ 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา
ขณะที่พลเอกธรรมรักษ์ ทางอัยการไม่ได้ยื่นฎีกาเพื่อขอให้ลงโทษ และชั้นอุทธรณ์ก็ได้พิพากษาให้ยกฟ้องพลเอกธรรมรักษ์ ทำให้พลเอกธรรมรักษ์ พ้นความผิดฐานว่าจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็ก ส่วนอีกคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน ทางพนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พันตำรวจเอก ชาญชัย เนติรัฐการ อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโพธิ์แก้ว อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นจำเลยฐานติดสินบนตุลาการในคดียุบพรรคไทยรักไทย
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2557 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 3 ปีไม่รอลงอาญา ต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแก้โทษให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี ไม่รอลงอาญา ล่าสุดในวันนี้ ศาลฎีกาก็มีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก2ปี โดยไม่รอลงอาญา