สหรัฐฯ อ้างว่าพบเบาะแสบ่งชี้รัฐบาลซีเรียเตรียมใช้อาวุธเคมีโจมตีกลุ่มกบฏรอบใหม่ ทั้งยังเตือนว่าสหรัฐฯ พร้อมจะตอบโต้หากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น โดยรัสเซียกับอิหร่านจะต้องร่วมรับผิดชอบกับซีเรียด้วย
นายฌอน สไปเซอร์ โฆษกประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เตือนนายบาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย ให้ระวังการตอบโต้จากสหรัฐฯ หลังพบเบาะแสว่าซีเรียเตรียมใช้อาวุธเคมีก่อเหตุโจมตีกลุ่มกบฏหรือพลเรือนในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลรอบใหม่ ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ท่าทีดังกล่าวของสหรัฐฯ คล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ซึ่งสหรัฐฯ กล่าวหาว่ากองทัพซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนในจังหวัดอิดลิบที่อยู่ในความควบคุมของกลุ่มติดอาวุธฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 87 คน และในครั้งนั้นสหรัฐฯ ได้ยิงจรวดโทมาฮอว์กจากเรือรบสหรัฐฯ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโจมตีฐานทัพซีเรียจนได้รับความเสียหาย
ขณะที่นางสาวนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ เผยแพร่ข้อความผ่านทวิตเตอร์ โดยย้ำว่าหากมีการโจมตีพลเรือนซีเรียเกิดขึ้นจริง นายอัสซาดจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เช่นเดียวกับรัสเซียและอิหร่านซึ่งให้การสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย ซึ่งสื่อหลายสำนักรายงานว่าท่าทีดังกล่าวของนางสาวเฮลีย์ถือว่าแข็งกร้าวกว่าวิธีทางการทูตทั่วไป
Any further attacks done to the people of Syria will be blamed on Assad, but also on Russia & Iran who support him killing his own people.
— Nikki Haley (@nikkihaley) June 27, 2017
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์เพิ่มเติม โดยระบุว่าการออกมากล่าวหารัฐบาลซีเรียครั้งนี้เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจ เพราะไม่เคยมีการหารืออย่างเป็นทางการมาก่อน และทำเนียบขาวไม่ได้ให้รายละเอียดใดเพิ่มเติมเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่านำข้อมูลอ้างอิงมาจากแหล่งใด
ส่วนทางการซีเรียก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐฯ และที่ผ่านมา ซีเรียได้ยืนกรานปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้อาวุธเคมีโจมตี พลเรือนตามที่สหรัฐฯ กล่าวหา พร้อมระบุว่าสหรัฐฯ อ้างข้อมูลเท็จ 100 เปอร์เซ็นต์เพื่อพยายามสร้างความชอบธรรมในการโจมตีซีเรียเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งรุนแรงที่สุดตั้งแต่เกิดสงครามความขัดแย้งในซีเรียตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการสังหารประชาชนในจังหวัดอิดลิบขึ้นมาหลังเกิดเหตุในเดือนเมษายน โดยนายเปาโล แซร์โจ ปิเญโร ประธานคณะกรรมาธิการสอบสวน ระบุว่าพบแก๊สพิษทำลายประสาทอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุในจังหวัดอิดลิบจริง แต่ยังไม่อาจระบุได้ว่าเป็นการใช้อาวุธเคมีโจมตีหรือว่าแก๊สพิษดังกล่าวรั่วไหลออกมาหลังจากที่มีการโจมตีทางอากาศ ทั้งยังไม่อาจบอกได้ว่ากองกำลังฝ่ายใดเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีทางอากาศในครั้งนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: