นับแต่อดีต คู่รักทั้งหลายก็มักจะใช้บริการจับคู่ หรือตามสถานที่พบปะซึ่งเห็นตัวอย่างได้จาก แพนดารัส นักจับคู่ระหว่างนักรบและสาวใช้ในนิยายของเชคสเปียร์ และชอเซอร์ หรือฉากที่ตัวเอกหญิงอย่างเจน ออสเตนมองดูผู้ชายที่กำลังเต้นรำในห้องสังสรรค์
แต่ในยุคใหม่ การ “จีบ” กันเป็นสิ่งที่ทำผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ จากการสำรวจของ Pew Research Center ในปี 2015 พบว่า 15% ของคนอเมริกาใช้เว็บไซต์หรือแอพหาคู่ โดยมากขึ้นกว่าในปี 2005 อยู่ 1%
จากการสำรวจของ PEW พบว่า วัยรุ่นรู้สึกสะดวกใจในการหาคู่ทางออนไลน์ เช่นเดียวกับกลุ่มคนที่มีแนวคิดเสรีนิยมจัด ชาวอเมริกาที่มีรายได้ครัวเรือนมากกว่า 75,000 ดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะหาแฟนทางออนไลน์มากกว่าคนที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ แนวโน้มเหล่านี้ดูจะจำแนกควมแตกต่างได้ระหว่างกลุ่มเสรีนิยมจัดกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมจัด และระดับการศึกษา ซึ่งคนที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยสะดวกใจกับการหาคู่ออนไลน์มากกว่าคนที่จบในระดับมัธยมศึกษาอยู่ที่ประมาณ 4 ต่อ 1
“ความสะดวก” คือเหตุผลที่เป็นไปได้สำหรับผลการศึกษานี้ คนที่มีการศึกษาและรายได้สูงมักจะไม่มีเวลา ละมีแนวโน้มว่าจะเห็นด้วยกับวิธีหาคู่ทางออนไลน์เพราะมีประสิทธิภาพ แต่ก็ใช่ว่าเหตุผลนี้จะเป็นคำตอบทั้งหมด เหตุผลอีกข้อที่น่าเชื่อถือกว่าได้อธิบายว่า เพราะความใจกว้าง ความร่ำรวย และการประสบความสำเร็จ
จากการสำรวจคนอเมริกาไม่เต็มใจที่จะเรียกว่าการหาคู่ออนไลน์เป็นสิ่งที่น่าสิ้นหวัง
คนจำนวนมากใช้งานเว็บไซต์อย่าง Match.com (เว็บไซต์นี้มีสมาชิกแลกเปลี่ยนข้อความกันมากถึง 400ล้านข้อความต่อปี) หรือแอพพลิเคชั่นอย่าง Tinder (แอพที่มีการจับคู่ถึง 28 ล้านคู่ต่อวัน)
ยังมีบริการที่เจาะลึกไปอีก เช่น EliteSingles.com มีสมาชิก 87% ที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งระบบอัลกอริธึ่มของเว็บก็จะช่วยจับคู่ให้โดยพิจารณาจากรายได้ อาชีพและการศึกษา
แอพ The League ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นมือถือ จะดึงเอาข้อมูลที่สแกนจากบัญชีเฟซบุ๊กและLinkedIn ของผู้ใช้งาน แล้วก็หาคนที่เหมาะสมซึ่งมีคนอยู่ราวๆ 100,000 รออยู่ในลิสต์
แอพที่คล้ายกันอย่าง Luxy ผู้สมัครจะต้องมีรายได้อย่างน้อย 200,000 ดอลลาร์ต่อปี จึงต้องมีเอกสารจากธนาคารและเอกสารการคืนภาษีที่เพียงพอในการยืนยันรายได้ดังกล่าว
แต่ว่าก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะพึ่งพาระบบอัลกอริธึ่ม บริษัทที่ปรึกษาหาคู่ยังคงทำเงินได้ บางที่ก็เรียกเงินค่าคำปรึกษาเกือบแสนเหรียญสหรัฐ และบางแห่งก็อ้างว่าประสบความสำเร็จในการจัดหาคู่ถึง 90 เปอร์เซ็นต์โดยอธิบายว่าเน้นเรื่องหลักจิตวิทยามากกว่าสถิติต่างๆ บ้างก็อ้างว่ามีโอกาสสำเร็จในการหาคู่ที่ 90% และมีแนวโน้มที่จะจิตวิทยามากกว่าสถิติในการจับคู่นี้ บางแห่งก็สอนการบริหารเสน่ห์ ซึ่งก็มีคนยอมที่จะทุมเพื่อให้ได้คู่เดทที่ต้องการ