บริษัททาคาตะประกาศล้มละลาย และจ่ายค่าปรับมากกว่าพันล้านดอลลาร์ เนื่องจากลุงลมนิรภัยมีข้อบกพร่อง ซึ่งคาดว่ามีส่วนทำให้เกิดการเสียชีวิตอย่างน้อย 17 รายทั่วโลก
หลังจากทาคาตะ บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ประกาศล้มลายทั้งในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยขายกิจการให้ Key Safty System หรือ KSS คู่แข่งในสหรัฐฯ หลังเผชิญวิกฤติถุงลมนิรภัยระเบิดของบริษัท ทำให้ผู้ขับรถและผู้โดยสารเสียชีวิต 17 รายทั่วโลก โดยถุงลมนิรภัยบางส่วนพองมากผิดปกติ และขยายแรงลมมากเกินไป จึงส่งผลให้เกิดการระเบิด การเรียกคืนถุงลมนิรภัยทาคาตะถือเป็นการเรียกคืนเพื่อความปลอดภัยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แวดวงรถยนต์ โดยตั้งแต่ปี 2007 มีการเรียกรถที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยของบริษัททาคาตะคืนมากกว่าร้อยล้านคัน
นอกจากสินค้าที่เกี่ยวข้องกับถุงนิรภัยแล้ว KSS ยังซื้อสินทรัพย์ของเครือทาคาตะทั้งหมด โดย เจสัน ลัว ซีอีโอของ KSS กล่าวว่า แม้ทาคาตะได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนถุงนิรภัย แต่จุดแข็งในเรื่องอื่นๆของทาคาตะยังคงมีความน่าสนใจ เช่น พนักงานที่มีฝือมือและความชำนาญ ความได้เปรียบในด้านภูมิศาสตร์ ล้อเหล็กที่มีความคงทนเป็นพิเศษ รวมถึงที่คาดเข็มขัดนิรภัย และผลิตภัณฑ์นิรภัยอื่นๆที่มีคุณภาพ
ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัททาคาตะยอมจ่ายค่าปรับในสหรัฐฯ ประมาณ 1,600 ล้านดอลลาร์ ในข้อหาปกปิดข้อบกพร่องของสินค้าที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ และยอมรับข้อกล่าวหาทางคดีอาญา นอกจากนี้ทางบริษัทยังจ่ายค่าปรับอีก 25 ล้านดอลลาร์ และอีก 125 ล้านให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการใช้ถุงลมนิรภัย รวมถึงจ่ายอีก 850 ล้านดอลลาร์ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ที่ใช้บริการถุงนิรภัยดังกล่าวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม กระบวนตามกฎหมายยังไม่จบเพียงเท่านี้ บริษัททาคาตะยังอาจถูกปรับอีก 1,000 ล้านเยน รวมถึงจ่ายค่าเสียหายให้กับบริษัทคู่ค้ารายใหญ่อย่าง ฮอนด้า BMW และโตโยต้า ส่งผลให้การซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียวถูกระงับและจะถูกถอนออกจากตลาดหุ้นในเดือนกรกฎาคมนี้อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม หุ้น'ทาคาตะ' ร่วง ปี 2015