ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) กล่าวว่า ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 63 จะหดตัวน้อยกว่าคาดที่ -6.5% จากการฟื้นตัวของการบริโภคเอกชนในช่วงไตรมาส 3/63 เร็วกว่าคาด ตามปัจจัยชั่วคราวของการมีวันหยุดเพิ่มเติมและมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ
อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 4/2563 EIC คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวในอัตราที่ชะลอลง จากการกลับมาระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกในช่วงปลายปี ขณะที่การระบาดในไทยที่เริ่มมีขึ้นอีกครั้งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวในประเทศในระยะสั้นได้
ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี 2564 คาดว่า จะขยายตัวที่ 3.8% ซึ่งแม้จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกจากฐานที่ต่ำ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เม็ดเงินของภาครัฐทั้งจากในงบประมาณและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงการกระจายวัคซีนในช่วงครึ่งหลังของปี แต่ผลของแผลเป็นทางเศรษฐกิจ (scarring effects) จะยังคงกดดันการฟื้นตัวของอุปสงค์ภาคเอกชน ในส่วนของเม็ดเงินจากภาครัฐ คาดว่าจะมีจำนวนมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีราว 9.8%
นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีวงเงินเหลือจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท อีกประมาณ 5 แสนล้านที่ยังใช้ได้ในปีหน้า ซึ่งล่าสุดได้ออกมาตรการคนละครึ่งเฟส 2 และให้เงินเพิ่มกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงขยายเวลาเราเที่ยวด้วยกัน ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่ารัฐพร้อมใช้มาตรการเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยจะยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากแผลเป็นเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบไปด้วย
1.ความเปราะบางของตลาดแรงงาน ได้แก่ การว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง การทำงานต่ำระดับที่เพิ่มขึ้นมาก และการที่แรงงานจำนวนมากต้องเปลี่ยนไปทำงานที่มีรายได้น้อยลง
2.การเปิด-ปิดกิจการที่ยังซบเซาต่อเนื่อง
3.ปัญหาหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก
แผลเป็นทั้ง 3 ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นข้อจำกัดต่อการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนในระยะข้างหน้า ทำให้แม้เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ในปีหน้า แต่ยังต้องพึ่งพาการใช้จ่ายของภาครัฐค่อนข้างมาก และระดับเศรษฐกิจทั้งปีในปีหน้าก็จะยังต่ำกว่าระดับในปี 62
อ่านข่าวอื่นๆ :