ไม่พบผลการค้นหา
‘จาตุรนต์’ ซัด ‘ประยุทธ์’ ดีแต่โทษเกษตรกร เป็นต้นเหตุหลักปัญหาฝุ่น PM2.5 จี้เร่งเจรจาเพื่อนบ้าน

เช้าวันนี้ (10 มี.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก จี้ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จริงจังกับการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 เร่งเจรจาเพื่อนบ้าน ระบุนายกฯ “เอาแต่บ่น” และ “ดีแต่โทษเกษตรกร” พอ PM 2.5 ที่เชียงใหม่ติดอันดับหนึ่งของโลกเมื่อวานนี้ ประยุทธ์ก็จะไปเชียงใหม่ แต่ก็บอกว่าไม่อยากใช้กฎหมาย ไม่อยากให้คนต้องเดือดร้อนและก็เน้นที่เกษตรกร ราวกับว่าเกษตรกรเป็นต้นเหตุหลักเพียงอาชีพเดียว

ประยุทธ์ยังพูดถึงประเทศเพื่อนบ้านทำนองว่าปัญหามาจากเพื่อนบ้านด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดถึงความร่วมมือจริงจังกับเพื่อนบ้านจริงๆแล้วตลอด 9 ปีมานี้ประยุทธ์ไม่เคยพยายามแสวงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ปัญหาใหญ่ใดๆร่วมกันเลย การแก้ปัญหา PM2.5 นั้นต้องแก้หลายเรื่องหลายด้านไปพร้อมกัน คือต้องแก้อย่างเป็นระบบครบวงจร ต้องทำเป็นเรื่องของประเทศและระหว่างประเทศ แต่ที่ผ่านมาประยุทธ์ไม่มีการมองปัญหาและแก้ปัญหาแบบองค์รวม การแก้ปัญหา PM 2.5 จึงไม่เกิดขึ้น

วันนี้เราเห็นข่าวผู้ว่ากทม.พูดถึงการแก้ปัญหา PM 2.5 ว่าต้องทำหาลายเรื่องพร้อมกัน ต้องทำเป็นวาระแห่งชาติ ถ้าปัญหายังรุนแรงมากอาจต้องพิจาณาเรื่องการ work from home ก็หมายถึงต้องใช้มาตรการเข้ม ขณะที่จังหวัดอุบลก็ประกาศว่าจะใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่เผาวัชพืช พอมาฟังประยุทธ์พูดว่าจะไม่ใช้กฎหมายเพราะกลัวคนเดือดร้อน และประยุทธ์ก็ไม่ได้พูดถึงมาตรการอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเลย บ่นๆไปอย่างนั้นฟังแล้วก็วังเวง


เพื่อไทย กระตุกรัฐบาลลุกขึ้นมาแก้ปัญหา P.M.2.5 จริงจัง

ด้าน นพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องแบบแผ่นเสียงตกร่องแทนพี่น้องคนไทยในกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆ ที่ทุกข์ยากแสนสาหัสจากสถานการณ์ฝุ่น P.M.2.5 ที่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัดหลายพื้นที่ทั่วไทยที่เลวร้ายลงทุกวัน ซึ่งข้อมูลทางวิชาการชี้ว่าฝุ่นพิษนี้อาจนำไปสู่โรคร้าย กระทบต่อปอด หัวใจ สมอง และอาจมีผลกระทบในระยะยาวและไม่ปรากฎอาการในขณะนี้ ตนเรียกร้องให้รัฐบาลตื่นขึ้นมาแก้ปัญหาให้เป็นระบบและจริงจังกว่านี้ ได้เรียกร้องไปหลายครั้งแต่ยังไม่เห็นความตั้งใจจริงในการออกมาตรการและระดมสรรพกำลังเพื่อแก้วิกฤต

ถ้าไม่เร่งแก้คนไทยนับแสนนับล้านจะได้รับผลกระทบ ประเทศจะสูญเสียทั้งต้นทุนทางสุขภาพ สังคม และการท่องเที่ยว นายนพดล กล่าวต่อว่าจิตใจผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทำด้วยอะไร คิดถึงหัวใจ ปอด สมอง สุขภาพของเด็กแรกเกิดจนถึงคนชราที่ต้องเผชิญฝุ่นพิษตามยถากรรมวันแล้ววันเล่าบ้างไหม เรื่องนี้เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ เป็นโศกนาฏกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ที่รัฐบาลต้องแก้ไข ต้องระดมหน่วยงานทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นเร่งแก้ปัญหาการเผาไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย แก้ปัญหาการเผาป่าหน้าแล้ง ร่วมมือกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควบคุมไซท์ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม รถควันดำ โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เข้มงวดผู้ปล่อยมลภาวะ นอกจากนั้นรัฐบาลได้เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นข้ามแดนไปอย่างไรบ้าง

“ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาฝุ่น P.M.2.5 ที่กระทบคุณภาพชีวิตคนไทยนับล้านในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นเป็นความเร่งด่วน และเห็นว่าต้องไม่ปล่อยวิกฤตนี้ดำเนินไปตามยถากรรม คนไทยมีสิทธิหายใจอากาศสะอาด เรื่องนี้ต้องเป็นวาระแห่งชาติ พรรคมีเจตจำนงทางการเมืองอย่างแรงกล้าที่จะแก้ปัญหานี้ มีนโยบายชัดเจนที่ได้เคยเสนอไปเช่นห้ามเผาไร่เผาป่า ควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นเช่นไซท์ก่อสร้าง โรงงาน รถควันดำ เปลี่ยนใช้รถไฟฟ้า เจรจาประเทศเพื่อนบ้านลดเผา เดินหน้ากฎหมายอากาศสะอาดเป็นต้น และถ้าได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในการเลือกตั้งเข้าไปเป็นรัฐบาล จะแก้ปัญหาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ จะเป็นรัฐบาลที่ขจัดความทุกข์ใจทุกข์กายของประชาน ไม่นั่งหายใจทิ้งไปวันๆแล้วปล่อยให้ปัญหาฝุ่น P.M.2.5 มันกัดกร่อนสุขภาพและชีวิตคนไทยไปเรื่อยๆ”