อแมนด้า ออบดัม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ผ่านเข้ารอบลึกที่สุดที่รอบ 10 คนสุดท้าย บนเวที Miss Universe ขณะที่ผู้ผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายไป ‘ตอบคำถาม’ คือสาวงามละตินอเมริกัน 4 ประเทศคือ บราซิล เปรู โดมินิกันรีพับลิก และเม็กซิโก และหนึ่งเดียวจากเอเชียคือ อินเดีย
'อาจารย์ธง ฐิติพงษ์ ด้วงคง' ผู้บรรยายการประกวดมิสยูนิเวิร์สและนักวิชาการด้านสตรีและลาตินอเมริกาศึกษา วิเคราะห์ว่า การที่อินเดียคือเอเชียหนึ่งเดียวที่ได้เข้าไปยืนในรอบ 5 คนสุดท้าย สะท้อนถึงการเปิดพื้นที่ให้กับความเป็น 'ละตินอเมริกัน' ที่ผู้ชมสามารถรับรู้ มองผ่าน ได้ยิน ได้ฟัง ได้เสพ ผ่านตัวนางงาม ทัศนคติ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ความบันเทิงที่มันเป็น Latin Oriented มากๆ
"ต้องมองดูการแสดงออกบนเวที อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกนางงามในปีนี้ สังเกตดูว่าผู้ที่ผ่านเข้ารอบในปีนี้ มีการแสดงออกบนเวทีแบบนางงามมืออาชีพสาย 'Old School' รู้ว่ากล้องอยู่ทางไหน ลักษณะการมอง ท่าเดิน ทรงผม ซึ่งอาจนำมาเป็นวิธีการใช้คัดเลือกผู้เข้าประกวดรอบ 10 คน ซึ่งถือว่าจะเป็นการเปลี่ยนเกมเลยครับ"
อาจารย์ธงเล่าต่อว่า สิ่งที่เราได้เห็นในการประกวดครั้งนี้ที่ต่างออกไปก็คือเรื่องของ 'สปีช' เพราะก่อนหน้านี้ก็มีข่าวออกมาบ้างว่า ครั้งนี้ทางกองประกวดจะไม่ได้เลือกคนที่เก่งสปีชเท่านั้นเสมอไป ไม่ได้มองเฉพาะรอบตอบคำถาม แต่ก็อย่าลือว่าการเลือกนางงามมา 5 คนแล้วเข้าสู่รอบตอบคำถามนั้น มันเป็นเหมืองไฮไลท์ของโชว์ คุณก็ต้องเลือกนางงามที่มีความสามารถทำให้คนดูรู้สึกประทับใจ ทำให้ผู้คนเชื่อและเข้าใจในสิ่งที่คุณพยายามเคลื่อนไหวอยู่
"สำหรับผมในฐานะคนดูนางงามมาตลอดทั้งชีวิต คนศึกษาเรื่องนางงาม คนที่เป็นนักวิชาการและทำงานในภาคสื่อด้วย ในสายตาของผม ผมไม่ค่อยรู้สึกสนุกเลยกับรอบการตอบคำถาม ซึ่งเขาก็พยายามที่จะให้นางงามพูดถึงสองรอบ มีรอบตอบคำถาม และการพูดถึงประเด็นระดับโลกต่างๆ ที่นางงามเตรียมตัวมาก่อนในรอบ Final Statement ศักยภาพของนางงามมันออกมาแล้วผมรู้สึกว่ามันไม่ได้ว้าวขนาดนั้น"
ท้ายที่สุด แอนเดรีย มีซา มิสยูนิเวิร์สเม็กซิโก คือผู้ชนะในปีนี้ เป็นผู้คว้ามงกุฎ Miss Universe ไปครอง อย่างไรก็ตาม แฟนนางงามมากมายแสดงข้อกังขาถึงความ 'สมมง' ของเธอ พร้อมคอมเมนต์แสดงความผิดหวังถึงผลตัดสิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพอร์ฟอร์แมนซ์ในรอบ 'ตอบคำถามของเธอ' ที่อาจจะไม่ได้แหลมคมหรือ 'ว้าว' เท่าที่แฟนๆคาดหวังนัก
ถามว่า "คุณจะรับมือโควิด-19 อย่างไรหากได้เป็นผู้นำประเทศ" โดยเธอตอบด้วยสีหน้าที่หลายคนมองว่า ขาดความมั่นใจอย่างเห็นได้ชัด ว่า "ฉันเชื่อว่าไม่มีวิธีสมบูรณ์แบบใดในการรับมือสถานการณ์ยากลพบาดเช่นโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ฉันจะเลือกล็อกดาวน์ก่อนที่ทุกอย่างจะใหญ่โตขนาดนี้ เราสูงเสียชีวิตผู้คนไปมากมาย เราต้องดูแลผู้คนตั้งแต่เริ่ม"
ภายหลังจากการตอบคำถามเสร็จ กติกาปีนี้เลือกใช้วิธีการแบบการประกวด Miss USA โดยจะไม่มีการตัดเหลือ 3 คนสุดท้ายแล้วถามคำถามเพื่อประชันศักยภาพอีกครั้ง แต่มีนี้เลือกใช้เป็นการให้ 'คีย์เวิร์ด' ในช่วง Final Statement กับทั้ง 5 คนสุดท้าย แล้วให้อธิบายถึงคๆ นั้นแทน
เธอกล่าวว่า "เราอยู่ในสังคมที่ความมากกว่าคือมากกว่า มากกว่าคือความก้าวหน้า เมื่อสังคมของเรานั้นก้าวหน้า เราก้าวหน้าในเรื่องการ 'เหมารวม' ด้วย ปัจจุบันความงามไม่ได้อยู่แค่ที่ภาพลักษณ์ของเรา สำหรับฉัน ความงามไม่ได้แค่เปล่งประกายจากจิตวิญญาณของเรา แต่ในหัวใจของเราและวิธีที่เราเลือกปฏิบัติด้วย อย่าอนุญาติให้ใครก็ตามมาบอกว่าเราไม่มีค่าโดยเด็ดขาด"
ทำไมเราได้สาวงามละตินอเมริกันเข้าไปถึง 4 คน? อาจารย์ธงชี้ว่า เหตุผลมันคือเรื่องของการใช้พื้นที่ที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของชาวละตินอเมริกัน วัฒนธรรมของคนดูทีวีภาษาสเปน เพื่อให้เอื้อต่อการทำธุรกิจและโชว์ในครั้งนี้ และเพื่อทำให้ทั้งทีวีและแพลตฟอร์มออนไลน์นั้นกลับมาคึกคัก ซึ่งไม่มีโชว์ไหนที่จะทำได้และสามารถทำให้คนทั้งประเทศนั้นลุกขึ้นมาดูพร้อมๆ กัน ทางละตินอเมริกันมีความคลั่งไคล้กับการประกวดนางงามไม่แพ้แถบบ้านเรา เพราะฉะนั้นจึงเป็นกระแสที่ปลุกง่ายมาก
ยุคที่เศรษฐกิจมันซบเซาท่ามกลางโควิด-19 สหรัฐฯ เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติหลังการฉีดวัคซีนแบบปูพรม นี่จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะคว้าโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจในเมืองไมอามีที่มีความใกล้ชิดกับละตินอเมริกาอย่างมาก และทำให้กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้นั้นรู้ว่าตอนนี้ไมอามีเป็นอย่างไร น่าสนใจอย่างไร และพร้อมแล้วสำหรับการกลับมาปาร์ตี้อีกครั้งมากแค่ไหน
ทุกอย่างมันทำให้เราเห็นสิ่งที่เรียกว่า 'Latinization' เขาจึงต้องการให้ทุกคนรู้ว่า ธุรกิจความบันเทิงนี่แหละคือกุญแจสำคัญของการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งในย่านนี้ ในพื้นที่ที่มีเรือสำราญเข้ามาทางทะเลแคริเบียนนี้ ขนาดหนึ่งในกรรมการยังเป็นผู้บริหารของเรือสำราญระดับโลกเลย และไมอามีคือศูนย์กลางของเรือสำราญ ที่เรือมากมายต้องมาจอดเทียบท่าที่นี่ อาจารย์ธงกล่าว
อแมนด้า ปรากฎตัวอย่างดงามและโดดเด่นในชุด ANDAMAN สีฟ้าครามไล่เฉดระยับจากแบรนด์ OAT-COUTURE ในคอนเส็ปต์ “ANDAMAN”—The HEART and SOUL of “The Island Girl” สื่อถึงความสัมพันธ์ของความเป็นสาวภูเก็ตของอแมนด้าที่รักการดำน้ำ และความงดงามของท้องทะเลอันดามันได้อย่างลงตัว
Miss Universe Thailand เผยว่า "ผู้ออกแบบชุดราตรี “อันดามัน” ต้องการให้ชุดนี้เข้าใจง่ายตั้งแต่แรกเห็น เขาจึงรังสรรค์ชุดนี้เพื่อสื่อให้เห็นถึงคลื่นทะเลอันมีชีวิต ลูกปัดและเลื่อมมากกว่า 15 เฉดสีถูกจัดวางอย่างมีชั้นเชิง และบรรจงปักด้วยมืออย่างประณีตลงบนผ้าตาข่าย ให้เกิดเป็นรูปเกลียวคลื่น สอดประสานกันอย่างกลมกลืนรอบชุด ผลงานออกแบบและตัดเย็บแบบโอตกูตูร์ (Haute Couture) โดย “OAT-COUTUR” ชิ้นนี้ ใช้เวลาร่วม 1,000 ชั่วโมงจึงเสร็จสมบูรณ์
“อันดามัน” ไม่เพียงแต่เน้นทรวดทรงที่สวยงามของอแมนด้าเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความเป็นตัวตนของเธอด้วย “อันดามัน” จึงเป็นชุดราตรีที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของ อแมนด้า ออบดัม อย่างแท้จริง"
ขอบคุณภาพ อแมนด้า ออบดัม : Miss Universe Thailand IG Official Account