นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึงสถิติผลการตรวจเชื้อ ของกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่เข้าเกณฑ์ PUI ประมาณ 47,386 ราย ว่า จากข้อมูลที่รับทราบมาว่า การตรวจหาเชื้อโควิด-19 นั้นมีการดำเนินการไปทั้งสิ้น 71,860 ตัวอย่าง ณ วันที่ 4 เม.ย. 63 ซึ่งพอที่จะประเมินเป็นจำนวนรายได้ถึง 66,821 ราย เพราะบางรายมีการตรวจซ้ำ และตรวจยืนยัน ทำให้จำนวนรายน้อยกว่าจำนวนตัวอย่างในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ จากข้อมูลในรายงานสถานการณ์ของกรมควบคุมโรค ในวันที่ 4 เม.ย. พบว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการตามนิยาม เข้าเกณฑ์การสอบสวนโรค (PUI) สะสมอยู่ที่ 24,474 ราย ซึ่งน้อยกว่าจำนวนรายที่มีการตรวจเชื้อไปทั้งหมดถึง 42,347 ราย เนื่องจาก ศบค. ยังไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมในส่วนต่างที่เกิดขึ้นนี้
"ผมจึงตั้งสมมติฐานว่า 42,347 ราย นั้นน่าจะเป็นกรณีที่เป็นผู้ป่วยขอตรวจเอง เนื่องจากเป็นผู้ป่วยที่ไม่เข้าเกณฑ์ PUI หรือเป็นผู้ป่วยที่แพทย์มีความเห็นเบื้องต้นว่าน่าจะเข้าข่าย PUI แต่ได้รับการปฏิเสธ ในการขอ Code Case ในการตรวจตามระเบียบ เพราะเกณฑ์ PUI ฉบับวันที่ 2 มี.ค. 62 นั้นยังไม่ได้ถูกขยายวงให้กว้างขวางขึ้น เกณฑ์วันที่ 3 เม.ย. จึงทำให้จำนวนผู้ป่วย PUI ที่เข้าข่ายในการตรวจมีจำกัด ประกอบกับมีเสียงสะท้อนจากบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนที่ระบุว่า ได้รับการปฏิเสธ Code Case ทั้งๆ ที่แพทย์มีความเห็นว่าผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ PUI"
นายวิโรจน์ ระบุว่า ประเด็นที่ ทาง ศบค. ควรจะให้ข้อมูลเพิ่มเติม ถึงผลต่าง 42,347 ราย ดังกล่าวนี้ ที่มีสมมติฐานว่า เป็นผู้ป่วยที่ถูกระบุว่าไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ PUI แต่ขอตรวจเอง ว่าจากจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันทั้งหมด ณ วันที่ 4 เม.ย. ที่มีอยู่ 2,067 ราย นั้นมาจากกลุ่มผู้ป่วย PUI ที่มีอยู่ทั้งสิ้น ณ ขณะนั้น ที่ 24,474 ราย เท่าใด และมาจากกลุ่มที่ไม่ใช่ PUI จำนวน 42,347 ราย เท่าใด
"หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทาง ศบค. จะชี้แจงข้อมูล เพิ่มเติมในส่วนนี้ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ การระบุผู้ป่วย PUI นั้นครอบคลุมเพียงพอต่อการสกัดกั้นการระบาด และเป็นการยืนยันห้แพทย์ และพยาบาลมั่นใจว่า ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ PUI ตามการวินิจฉัยของแพทย์หน้างาน จะได้รับการอนุมัติ Code Case ในการส่งตรวจหาเชื้อทุกราย นับจากนี้เป็นต้นไป"