ไม่พบผลการค้นหา
'เผ่าภูมิ' เผย นายกฯเศรษฐา เตรียมแถลงความชัดเจนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 24 ก.ค.นี้ พร้อมเปิดให้ประชาชนยืนยันตัวตน และลงทะเบียน ย้ำคนในครอบครัวเดียวกัน สามารถรวมเงินไปซื้อสินค้าได้

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงความคืบหน้า โครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ว่า 'การตีความเรื่องแหล่งเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่จะมาใช้ในโครงการนี้ โดยขั้นตอนจะต้องสรุปรายละเอียดทั้งหมดเป็นแพ็กเกจ เงื่อนไขหรือข้อจำกัดต่าง ๆ ต้องถูกเคลียร์หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดให้สินค้าทุกประเภทเข้าร่วมโครงการฯ ได้ หรือสินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ ดังนั้น ทุกอย่างต้องเสนอให้กฤษฎีกาพิจารณาในรายละเอียดทั้งหมด ไม่ใช่จะไปถามลอย ๆ ว่า ทำโครงการแบบนี้แล้ว จะสามารถทำได้หรือไม่ จึงสรุปได้ว่า เมื่อ ธ.ก.ส.ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงจะส่งเรื่องไปยังกฤษฎีกา ยืนยันว่า ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการและไทม์ไลน์ แต่ต้องรอในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเหตุที่รอคือ เงื่อนไขทุกอย่างจะต้องนิ่ง รวมถึงกรอบมาตรา 28 ตามกฎหมาย'

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า 'ในวันพุธที่ 10 ก.ค. นี้ จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับโครงการดิจิทัลฯ เพื่อที่จะสรุปเงื่อนไขทั้งหมดเข้าสู่คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ในวันจันทร์ที่ 15 ก.ค. นี้ ส่วนวันที่ 24 ก.ค. ในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีจะแถลงข่าวเพื่อเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในโครงการนี้ รวมถึงการยืนยันตัวตน ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะอยู่ในวันนั้น หลังจากนั้น โครงการนี้จะถูกจะนำเสนอ ครม.ในวันที่ 30 ก.ค. ก่อนที่จะนำไปสู่การลงทะเบียน หลังจากนั้นจะมีการสอบถามเรื่องไปยังกฤษฎีกา ขอย้ำว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การยืนยันตัวตนลงทะเบียน และส่วนที่เป็นระบบ payment เกี่ยวกับระบบการชำระเงิน ดังนั้น สิ่งที่จะนำเข้า ครม. คือกรอบของโครงการต่าง ๆ ที่พร้อมสำหรับการยืนยันตัวตนและการลงทะเบียนของประชาชน

ขอให้รอฟังรายละเอียดทั้งหมดในวันที่ 24 ก.ค.นี้ โดยเฉพาะในเรื่องการลงทะเบียนและการยืนยันตัวตนของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ไม่นานเกินรอใกล้เข้ามาแล้ว


ผู้สื่อข่าวถามว่า วงเงินที่จะใช้โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ยังอยู่ที่ 5 แสนล้านบาทหรือไม่? นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า 'ยังยืนยันกรอบวงเงินเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ และทุกอย่างยังอยู่ในกระบวนการ ทั้งงบประมาณ ปี 68 ที่กำลังพิจารณาอยู่ในชั้นกรรมาธิการ ซึ่งยืนยันเดินหน้าต่อไปไม่มีปัญหาอะไร ส่วนงบกลางปี 67 เพิ่มเติม ก็จะเข้าสู่สภาวันที่ 17 ก.ค.นี้'

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแผนสำรองหรือไม่ หากกฤษฎีกาชี้ว่า แหล่งเงินที่มาใช้ในโครงการผิดกฎหมาย นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า 'เรื่องนี้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ซึ่งมีออฟชั่น 2 ออฟชั่น 3 เตรียมพร้อมไว้แล้ว แต่คิดว่า จะเดินตามออฟชั่น 1 ซึ่งไตรมาส 4 ประชาชนจะได้ใช้เงินตามที่กำหนด และทุกอย่างอยู่ในกระบวนการ ในความเป็นจริงเร็วกว่าในกระบวนการที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก แต่ขอรอแถลงความชัดเจน 24 ก.ค.นี้ เพราะตนเองได้เห็นกรอบเวลาแล้ว เป็นไปตามกระบวนการ และระบบการเปิดลงทะเบียนและยืนยันตัวตนเสร็จแล้ว ส่วนการลงทะเบียนร้านค้า ก็จะเปิดให้ลงหลังจากนี้ ซึ่งต้องแยกกัน และเป็นลำดับต่อไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนการจ่ายเงิน ยังเป็นไตรมาส 4 แต่ยังไม่ระบุวัน เพราะต้องมีความยืดหยุ่น ซึ่งทางรัฐบาลย้ำตั้งแต่แรกว่า จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนไตรมาสที่ 3 และรับเงินไตรมาสที่ 4'

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนหรือไม่ เพราะกรรมาธิการฝ่ายค้าน พิจารณางบ มีการให้ข้อมูลแย้งรัฐบาล อาจไม่ได้ใช้เงินตามไทม์ไลน์ที่กำหนด นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า 'แหล่งที่มาของเงินทั้งงบ 68 งบกลางเพิ่มเติม 67 รวมถึงเงินตามมาตรา 28 ยังอยู่ในกระบวนการ ดังนั้น ไม่มีปัญหาใด ๆ ในเรื่องงบประมาณ ข่าวอาจจะถูกตีออกไป รัฐบาลก็พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลก็เดินตามกระบวนการและกรอบระยะเวลา เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง ทั้งนี้ ม.28 มีข้อจำกัดอยู่ในมิติการเปิดกรอบวงเงินและรายละเอียดเงื่อนไขต่าง ๆ ดังนั้น ทุกอย่างต้องเสร็จสมบูรณ์ก่อนสอบถามกฤษฎีกา โดย ธ.ก.ส.ต้องเสนอเรื่องไปว่า จะแจกเงินประชาชนในวงเงินเท่านี้ ด้วยเงื่อนไขและระบบเช่นนี้ และตาม Negative List รวมถึงอื่น ๆ จะต้องครบเพื่อให้กฤษฎีกาตีความ โดยต้องสอบถามกฤษฎีกาไปเป็นก้อนไม่ใช่ถามกฤษฎีกาเป็นชิ้น ๆ ซึ่งไม่สามารถทำได้'

ส่วนความชัดเจนการซื้อสินค้าชนิดใดและสามารถซื้อมือถือได้หรือไม่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า 'เบื้องต้นสินค้าที่เป็นมือถือและอิเล็กทรอนิกส์ มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกตัดออก แต่ตอนนี้อยู่ในการพิจารณาของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะดูความเหมาะสม เพราะกระทรวงพาณิชย์มีความเชี่ยวชาญว่าสินค้าประเภทไหน ที่มีลักษณะเงินไหลออกประเทศสูง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะพิจารณา และจะมาสรุปในที่ประชุมในวันพุธนี้'

ขณะนี้ทางธนาคารโลก ชี้ว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงร้อยละ 0.5-1 เท่านั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า 'โครงการนี้เป็นโครงการใหม่ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้น การประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจจึงมีการประเมินเศรษฐกิจที่หลากหลาย ในส่วนของกระทรวงการคลัง ก็ได้มีการประเมินเช่นกัน แต่ขณะนี้ตัวเลขต่าง ๆ ของการประเมินย่อมมีความหลากหลาย แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข แต่ก็จะรับข้อห่วงใยไปพิจารณา'

ส่วนกรณีที่ธนาคารโลกชี้ว่า ถ้าไม่ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะมีการลดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.25 - 0.5 ซึ่งจะต้องแลกกันหรือไม่? นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า 'มาตรการทางการเงินต้องทำหน้าที่ของตนเอง อย่าเอามาผูกกันในมิติดังกล่าว ก่อนหน้านี้ ธปท. เคยผูกเรื่องมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่คาดการณ์ว่า ดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดขึ้นในปีนี้ จึงขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอ เพราะกลัวเงินเฟ้อ ซึ่งเคยทำเรื่องนี้มาแล้ว เมื่อนำมาผูกกันเช่นนี้ ก็มีปัญหา ทำให้ขึ้นดอกเบี้ย โดยที่ดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่ออกในปีนี้ ท้ายสุดเงินเฟ้อไม่ได้ขึ้น จึงทำให้เกิดปัญหาและทำให้เห็นปัญหาเงินเฟ้อในปัจจุบันตกขอบ'

“คนในครอบครัวเดียวกัน สามารถรวมเงินไปซื้อสินค้าได้ เพราะเป็นวัตถุประสงค์ของโครงการนี้” นายเผ่าภูมิ ย้ำ