วันนี้ (8 เมษายน 2566) ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล เดินหน้าหาเสียงให้แก่ผู้สมัครสมาชิกผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขต 2 (สำรวย ศรีทิน) และเขต 3 (ณัฐพงษ์ ป้องปิ่น) โดยมีประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก
ปิยบุตร เริ่มด้วยการเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องชาวอีสานและบึงกาฬ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ, การปลดหนี้ ธ.ก.ส. เกษตรกรสูงวัย, การเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก ให้เป็นโฉนด, การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร และการปฏิรูปตำรวจ "นโยบายแต่ละตัวที่พรรคก้าวไกลประกาศ เป็นนโยบายที่เล็งเห็นผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ก่อนทั้งสิ้น"
ปิยบุตรกล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้พิสูจน์แล้วว่า แม้ก้าวไกลจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่ก็สามารถทำงานแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริง แต่กระนั้นก็แก้ไขได้อย่างจำกัดเพราะยังมีอำนาจไม่มากพอ เช่นนี้หากได้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งที่จะถึง พรรคก้าวไกลก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น
ทั้งนี้ ปิยบุตรชี้ว่า ทุกพรรคการเมืองต่างก็แข่งกันนำเสนอนโยบายที่ต่างฝ่ายต่างคิดว่าดี แต่ถึงอย่างนั้น หากการเมืองยังไม่ดี นโยบายที่ดีทั้งหมดนั้นก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ หรือเกิดขึ้นได้แต่ก็ไม่ยั่งยืน เพราะนโยบายจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการเมืองดี
"ที่ผ่านมาพี่น้องเลือกพรรคการเมือง แล้วทหารออกมายึดอำนาจ ยึดเสร็จแล้วก็เลือกตั้งใหม่ เลือกตั้งเสร็จก็โดนยึดใหม่ วนเวียนแบบนี้มาเรื่อยๆ นโยบายแก้ปัญหาปากท้องอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ มันต้องแก้โครงสร้างให้การเมืองดี เป็นประชาธิปไตย ให้ทหารเป็นทหารอาชีพ ไม่ใช่ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างที่ผ่านมา โดยพรรคก้าวไกลเป็นพรรคเดียวที่ประกาศชัดเจนว่า ถ้ามีการรัฐประหารเมื่อไหร่ จะมีการดำเนินการทางกฎหมายกับคนที่ออกมายึดอำนาจทันที เพื่อไม่ให้การรัฐประหารและการนิรโทษกรรมความผิดของตัวเองทำได้ง่ายๆ อีกต่อไป"
ต่อประเด็นคำถามว่า หากมีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีกในอนาคต ส.ส. ก้าวไกล จะทำอย่างไร ปิยบุตรกล่าวว่า ผู้แทนจากพรรคก้าวไกลก็จะเป็นแถวหน้าต่อต้านการรัฐประหาร ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนสู้อย่างโดดเดี่ยวอย่างที่เป็นมา
ปิยบุตร ยังย้ำถึงความโดดเด่นของผู้แทนจากก้าวไกลว่า จะทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงไปอภิปรายในสภาให้ประชาชนอย่างแข็งขัน ไม่ใช่พอได้ตำแหน่งแล้ว ไม่เคยพูดในสภาเลยแม้แต่คำเดียวอย่างที่เป็นอยู่ ก่อนจะย้ำข้อแตกต่างระหว่างก้าวไกลกับพรรคการเมืองอื่นๆ
"ณ วันนี้ การเมืองเปลี่ยนไปมากขึ้น มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นหลายพรรค ต่างจากการเลือกตั้งปี 54 ที่มีพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเพียงพรรคเดียว คราวนี้มีหลายพรรคแล้ว ขอโอกาสพี่น้องให้พิจารณาพรรคก้าวไกล ในฐานะที่มีจุดยืนมั่นคงชัดเจน มุ่งแก้ปัญหาที่ต้นตอ อภิปรายในสภาได้อย่างเต็มที่ไม่เกรงใจใคร เป็น ส.ส. ที่มีอุดมการณ์ ไม่ย้ายฝ่ายไปมา วันก่อนอยู่พรรคฝ่ายทหาร อีกวันอยู่พรรคฝ่ายประชาธิปไตย วันก่อนใส่เสื้อพรรคนั้น ยืนโหวตให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐในตรี พอมาวันนี้เปลี่ยนมาใส่เสื้อพรรคนี้ แล้วบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย"
ปิยบุตรยังกล่าวว่า ที่นักการเมืองและพรรคการเมืองแบบเดิม ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นตอได้ ไม่ใช่เกิดจากการไม่รู้ถึงปัญหา แต่เป็นเพราะความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องยากๆ ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้เองที่ทำให้เกิดอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลขึ้น
"เรารู้ว่าการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอมันยาก ต้องอาศัยความกล้าหาญ และไม่สามารถรับเงินจากทุนใหญ่ทุนไหนได้"
ปิยบุตรทิ้งท้ายว่า การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ พรรคก้าวไกลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้แทนในรัฐสภาจำนวนมาก และมีอำนาจเป็นรัฐบาล เพื่อนำอำนาจนั้นมาจัดสรรงบประมาณให้เป็นธรรม และแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด
"ขอโอกาสพี่น้อง ลองเปลี่ยนสักครั้งหนึ่ง ที่ผ่านมาอาจจะมีทางเลือกน้อย เพราะพรรคการเมืองมีไม่กี่พรรค แต่ครั้งนี้มีพรรคก้าวไกลแล้ว ขอโอกาสให้พรรคก้าวไกลได้เป็นผู้แทน และสนับสนุนให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี" ปิยบุตรกล่าว