ไม่พบผลการค้นหา
รมว.วัฒนธรรมอิตาลี วางแผนมอบคืน "พื้น" แห่งสังเวียนเลือด หวังมอบทัศนียภาพแห่งอดีตให้ผู้มาเยือนได้สัมผัส

หลังเฟ้นหาวิศวกรทั่วโลกเข้ามาบูรณะพื้นของ 'โคลอสเซียม' สนามกีฬาสังเวียนเลือดตั้งแต่เดือน ธ.ค.2563 ล่าสุดกระทรวงวัฒนธรรมแห่งอิตาลีประกาศให้ 'มิลาน อินเจนเนียริยา' (Ingegneria) บริษัทวิศวกรรมซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองมิลาน เป็นผู้ครองสัญญาสัมปทานมูลค่า 18.5 ล้านยูโร ประมาณ 693 ล้านบาท 

ตามข้อมูลจากการแถลงข่าวระบุว่า พื้นของสนามกีฬาหินที่จะได้รับการปรับปรุงด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงนั้น จะมีลักษณะสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ เบา, พลิกกลับได้ และ ยั่งยืน โดยคาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปี 2566 

โคลอสเซียม - โรม - อิตาลี - เอเอฟพี
  • พื้นของโคลอสเซียมถูกรื้อออกเพื่อให้ผู้คนได้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านล่าง

เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินลงมายังใจกลางสังเวียนกีฬาที่เคยสูบกลืนชีวิตของนักสู้หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ 'กลาดิอาตอร์' (อ่านตามภาษาละติน) หรือ 'กลาดิเอเตอร์' (ในภาษาอังกฤษ) จำนวนมากในอดีต

ทัศนียภาพที่นักท่องเที่ยวนับจนถึงศตวรรษที่ 19 เคยลิ้มลอง ก่อนนักโบราณคดีจะเลือกรื้อพื้นของโคลอสเซียมออกเพื่อเปิดให้เห็นเขาวงกตด้านล่างแทน

'ดาริโอ ฟรานเซสชินี' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของอิตาลี ชี้ว่า "ผู้มาเยือนไม่เพียงแต่จะมีโอกาสได้เห็นห้องใต้ดิน พวกเขายังจะได้สัมผัสถึงความสวยงามของโคลอสเซียมขณะยืนอยู่ใจกลางสังเวียนแห่งนี้" 


วิศวกรรมยุคนี้เพื่อมรดกจากอดีต 

ข้อมูลจากทางการระบุว่า พื้นชั้นบนสุดของโคลอสเซียมจะสร้างขึ้นจากไม้อโกญ่า (Accoya) ซึ่งมีลักษณะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีความทนทานสูง โดยไม้แต่ละแผ่นที่นำมาประกอบสร้างเป็นพื้นนั้นยังสามารถหมุนเพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติให้ส่องไปยังบริเวณด้านล่างหรือหมุนปิดเพื่อป้องกันฝนได้

โคลอสเซียม โรม อิตาลี
  • ภาพจำลองโคลอสเซียมหลังได้รับการบูรณะพื้นเป็นที่เรียบร้อย

ระบบระบายอากาศจะเข้าไปช่วยรักษาระดับอุณหภูมิและความความชื้นของโครงสร้างชั้นใต้ดิน ขณะที่น้ำฝนซึ่งตกลงมาจะถูกส่งต่อจากที่กักเก็บก่อนเปลี่ยนไปเป็นน้ำสำหรับห้องน้ำสาธารณะ 

รมว.วัฒนธรรมอิตาลี ยังเสริมว่า การติดตั้งพื้นขนาด 3,000 ตารางเมตรนี้ ทั้งหมดจะสามารถพลิกกลับได้ เพื่อง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต 

ก่อนจะเกิดวิกฤตโรคระบาด โคลอสเซียมนับเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญของอิตาลี ด้วยจำนวนผู้มาเยือนถึง 7.6 ล้านคน ในปี 2562 

อ้างอิง; Reuters, CNN, NPR, BBC