วันที่ 3 พ.ย. 2565 สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ การให้ต่างชาติซื้อที่ดินในประเทศไทย ที่ถูกวิจารณ์เป็นกฏหมายขายชาติ ว่า เรื่องนี้ไม่มีประเด็น เพราะการดำเนินการไม่ต่างไปจากหลักเกณฑ์เดิม เพียงแค่ระยะเวลาเท่านั้นเอง โดยคนที่เราอยากให้ได้รับสิทธิเพื่อให้เข้ามาพำนักในประเทศมี 4 กลุ่ม ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของหลักเกณฑ์โดยจะแก้ไขเมื่อไหร่ก็ได้ เราก็ทดลองนำร่องไปก่อน ซึ่งตนก็ดูแล้วว่าไม่มีอะไรเพราะประเทศอื่นเขาก็ซื้อและครอบครองกันได้ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและ ประเทศในยุโรป ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจ และเรื่องนี้เราก็นำร่องเอาไว้หากมีผู้สนใจแล้วเราได้กรองตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้แล้วประสบความสำเร็จก็เดินหน้ากันไป แต่ถ้าหากไม่ประสบความสำเร็จก็มาดูว่าเหตุผลคืออะไร จะต้องปรับปรุงหรือไม่ หรือถ้ามันไม่ดีก็สามารถที่จะยุติหรือทำให้มันเข้มขึ้นได้ โดยเรื่องนี้ไม่ต้องทำระดับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เป็นเรื่องของกฎเกณฑ์สามารถแก้ไขได้ตลอดเวลา พร้อมยืนยันว่าเรื่องนี้ยังไม่ทบทวน
เมื่อถามว่า ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นกฎหมายขายชาติจริงหรือไม่ สุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า มันไม่น่าจะเป็นการขายชาติ เพราะถ้าขายชาติก็มาตั้งแต่ปี 42 แล้ว ตั้งแต่การออกพระราชบัญญัติฉบับนี้ ที่ผ่านมาสื่อก็ไม่ทราบ และปี 45 ก็มีการประกาศออกกฎเกณฑ์ ซึ่งค่อนข้างจะเปิดกว้างมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป ใครก็ได้ ต่างด้าวประเภทไหนก็ได้ และมีระยะเวลาเพียงแค่สั้นๆ และมีการลงทุนกว้างๆ ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เราจะเอาหลักเกณฑ์หลักนี้ประกบคู่กับบุคลากรที่มีคุณภาพ ที่สนใจและอยากมาพำนักอยู่ในประเทศไทยและครอบครองที่ดินได้ ถือเป็นแรงดึงดูดประการหนึ่ง ซึ่งประเทศอื่นเขาก็ทำกัน และเราก็เป็นประเทศส่วนน้อยเสียด้วยซ้ำไป และของเอาก็เข้มงวดกว่าประเทศดังกล่าวในข้างต้นเยอะ
สุพัฒนพงษ์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้แต่ละกระทรวงไปหามาตรการของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ว่า ขอให้รออีกนิดนึงตนตอนกำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวม เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงการประชุมเอเปค ซึ่งมีกิจกรรมหลายเรื่องที่ต้องทำพร้อมๆกัน ส่วนจะมีมาตรการอะไรออกมาต้องไปถาม รมว.การคลัง ซึ่งตนคิดว่าขณะนี้กำลังรวบรวมอยู่ และคาดว่าไม่น่าเกินสิ้นเดือนพฤศจิกายน ประชาชนก็จะทราบว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาบ้าง