แพทย์ที่ทำงานในพื้นที่สู้รบในซีเรียรายงานว่าความช่วยเหลือจากนานาชาติที่เข้ามาในซีเรียลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2 เดือนทีผ่านมา เนื่องจากผู้บริจาคเกิดความเบื่อหน่ายต่อสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อในซีเรีย
กลุ่มแพทย์ที่ทำงานอยู่ในเมืองที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในซีเรีย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นว่าการสนับสนุนและเงินบริจาคช่วยเหลือที่เข้ามาในซีเรียลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริจาคเริ่มมีความเบื่อหน่ายต่อสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 ปี และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง โดยความรุนแรงได้เริ่มมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2011 และสหประชาชาติประเมินว่ามีชาวซีเรียเสียชีวิตจากสงครามครั้งนี้แล้วกว่า 4 แสนคน และทำให้ชาวซีเรียต้องลี้ภัยออกนอกประเทศอีกกว่า 5 ล้านคน
ฟาริดา ซึ่งเป็นชื่อปลอมของแพทย์คนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในเมืองอิดลิบที่มีผู้ลี้ภัยชาวซีเรียอาศัยอยู่กว่า 40,000 คน บอกว่าโรงพยาบาลหลายแห่งในซีเรียต้องปิดตัวลงเนื่องจากขาดเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ และขาดแพทย์ โดยแพทย์หลายคนตัดสินใจที่จะไม่กลับมาทำงานในพื้นที่ที่มีความรุนแรงอีกต่อไป เนื่องจากต้องทำงานในสภาพที่ขาดแคลนอุปกรณ์และเสี่ยงภัยอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่แพทย์จากมูลนิธิการแพทย์เพื่อสังคมอเมริกา-ซีเรีย หรือ SAMS ได้เดินทางไปยังกรุงปารีสของฝรั่งเศส และกำลังเดินทางไปยังเนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก เพื่อเรียกร้องให้นานาชาติอย่าหยุดส่งความช่วยเหลือทางการแพทย์เข้าไปยังซีเรีย
นายจอห์น เดาท์เซนเบิร์ก ทนายความที่ปรึกษาของ SAMS บอกว่านโยบายใหม่ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ตัดงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงงบประมาณมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ประเทศต่างๆกว่าร้อยละ 32 คิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 19,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้งบช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในซีเรียหายไปจำนวนมหาศาล และก็ยังทำให้รัฐบาลประเทศอื่นๆคิดทำตาม โดยมองว่าเมื่อสหรัฐฯไม่สนใจที่จะให้เงินสนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ประเทศอื่นๆก็คิดว่าพวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้เหมือนกัน ซึ่งจะทำให้องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆหาเงินสนับสนุนได้ลำบากยิ่งขึ้น
ภาพ: AP