สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงการปิดเคหสถานนพเก้า ไม่กระทบสหกรณ์ฯ จุฬา เนื่องจากตัวสหกรณ์ออมทรัพย์เองยังมีทรัพย์สินหมุนเวียนอยู่
กรณีนายทะเบียนสหกรณ์จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สั่งยกเลิกสหกรณ์เคหสถาน นพเก้ารวมใจ จากการดำเนินกิจการไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และไม่สามารถปิดบัญชีจ่ายเงินคืนให้กับ 3 สหกรณ์ ประกอบด้วย สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนนทบุรี จำกัด ฝากเงิน 113 ล้านบาท ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน , สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำกัด ฝากเงิน 915 ล้านบาท มีที่ดินค้ำประกัน และชุมนุมสหกรณ์ธนกิจไทย จำกัด ฝากเงิน 4,485 ล้านบาท ซึ่งสหกรณ์ธนกิจไทยมีสมาชิก 35 สหกรณ์นำเงินมาฝากถึง 5,750 ล้านบาท และมี 41 สหกรณ์ที่ถือหุ้นในสหกรณ์ธนกิจไทยเป็นเงิน 734 ล้านบาท
ด้าน สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงชี้แจงถึงสถานภาพทางสถานะทางการเงินว่า ยังมีสินทรัพย์หมุนเวียนรวมกว่า 42,000 ล้านบาท มีเงินรับฝากสมาชิก 13,990 ล้านบาท และผลกำไร 366 ล้านบาท สูงกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ ขณะที่ ปี 2555 ได้นำเงินไปฝากที่สหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ 915 ล้านบาท เป็นสัดส่วนเล็กน้อยจากจำนวนเงินที่ให้สหกรณ์อื่นกู้ 14,032 ล้านบาท อีกทั้งมีโฉนดที่ดินค้ำประกัน 218 ไร่ ซึ่งได้ให้บริษัททำการประเมินที่ดินแล้วมูลค่าประมาณ 200-300 ล้านบาท
ด้านนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ระบุเหตุผลที่สั่งปิดสหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ เพื่อให้กรมเข้ามาเป็นนิติบุคคลแทน เพื่อจัดการคืนทรัพย์สินให้กับสหกรณ์ที่นำเงินมาฝากทั้ง 3 รายได้รวดเร็ว ส่วนกรณีสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาได้ตั้งคณะกรรมการเข้ามาสอบคณะกรรมการชุดเก่า เพื่อสอบสวนว่ามีการทุจริตในหน้าที่หรือไม่
สำหรับทรัพย์สินของสหกรณ์เคหสถานนพเก้าฯ มีที่ดินหลายแปลง ประเมินราคา 6,900 ล้านบาท ขณะที่เงินฝากเข้ามาสหกรณ์นี้มีรวม 5,513 ล้านบาท โดยชุมนุมสหกรณ์ธนกิจไทย จำกัด ฝากเงินมากสุด 4,485 ล้านบาท ซึ่งทางกรมส่งเสริมสหกรณ์เชื่อว่าจะสามารถคืนให้ชุมนุมสหกรณ์ธนกิจได้เพียงพอ