รัฐบาลญี่ปุ่นผ่านร่างกฎหมายที่อนุญาตให้สมเด็จพระจักรพรรดิสละราชสมบัติได้แล้ว โดยคาดว่าการสละราชสมบัติจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2018
คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นผ่านร่างกฎหมายที่จะอนุญาตให้สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะทรงสละราชสมบัติได้แล้ว หลังจากมีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องการสละราชสมบัติตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยคาดว่าการเปลี่ยนผ่านราชบัลลังก์จะมีขึ้นในเดือนธันวาคม 2018 เมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิทรงมีพระชนมายุครบ 85 พรรษา และจะมีการเปลี่ยนรัชศกจากเฮเซเป็นรัชศกใหม่ในปี 2019
มกุฏราชกุมารนะรุฮิโตะ และมกุฏราชกุมารีมาซาโกะ ในฉลองพระองค์เต็มยศแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น
โดยผู้ที่จะขึ้นครองราชย์ต่อไป ก็คือมกุฏราชกุมารนะรุฮิโตะรัชทายาทอันดับ 1 ส่วนรัชทายาทลำดับต่อไปก็คือเจ้าชายอะกิชิโนะ พระอนุชา และพระโอรสของเจ้าชายอะกิชิโนะ เจ้าชายฮิซะฮิโตะ เนื่องจากมกุฏราชกุมารนะรุฮิโตะไม่ทรงมีพระโอรส มีพระธิดาเพียงพระองค์เดียวคือเจ้าหญิงไอโกะ
โฉมหน้าผู้สืบทอดราชบัลลังก์ญี่ปุ่น
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว มีขึ้นหลังจากสมเด็จพระจักรพรรดิทรงปรารถเรื่องพระพลานามัยที่ไม่สมบูรณ์ และไม่สามารถปฏิบัติพระราชกรณียกิจได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการส่งนัยมาทางรัฐบาลว่าทรงต้องการสละราชสมบัติ แต่กฎหมายของญี่ปุ่นในปัจจุบันไม่อนุญาตให้สมเด็จพระจักรพรรดิสละราชสมบัติได้ ทำให้ต้องมีการปรับแก้กฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ อย่างไรก็ตาม กฎหมายใหม่ฉบับนี้กำหนดไว้ว่าจะใช้เฉพาะกับกรณีของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้การสละราชสมบัติเกิดขึ้นได้ง่ายเกินไปในอนาคต
โทรทัศน์ญี่ปุ่นเผยแพร่ข่าวที่เจ้าหญิงมะโกะ พระราชนัดดาองค์โตของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ เตรียมจะทรงหมั้นกับนายเค โคะมูโระ ซึ่งทำงานเป็นพนักงานในบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมาย
ราชวงศ์ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับวิกฤตจำนวนสมาชิกพระราชวงศ์ลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันผู้อยู่ในพระราชวงศ์มีทั้งสิ้น 19 พระองค์ ในจำนวนนี้เป็นสตรี 14 พระองค์ และล่าสุด เจ้าหญิงมะโกะ พระธิดาของเจ้าชายอะกิชิโนะ ก็กำลังจะทรงหมั้นกับสามัญชน ซึ่งทำให้พระองค์ต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ตามกฎมณเฑียรบาล ทำให้นักการเมืองญี่ปุ่นเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎที่บังคับให้เชื้อพระวงศ์สตรีต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์หากสมรสกับสามัญชน เพื่อความมั่นคงของพระราชวงศ์