ไม่พบผลการค้นหา
ในขณะที่การศึกษาไทยยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและค้นหาตัวตน ลองไปดูว่าระบบการศึกษาที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลก แม้แต่สหรัฐฯก็ยังต้องศึกษาเป็นต้นแบบ อย่างฟินแลนด์ มีการเรียนการสอนกันอย่างไร และเราจะทำตามได้หรือไม่

ในขณะที่การศึกษาไทยยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและค้นหาตัวตน ลองไปดูว่าระบบการศึกษาที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลก แม้แต่สหรัฐฯก็ยังต้องศึกษาเป็นต้นแบบ อย่างฟินแลนด์ มีการเรียนการสอนกันอย่างไร และเราจะทำตามได้หรือไม่

World Economic Forum รวบรวม 7 เหตุผลที่ทำให้การศึกษาของฟินแลนด์ ประเทศเล็กๆในสแกนดิเนเวียที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโดดเด่นในด้านใดมากเป็นพิเศษในเวทีโลก กลับเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องว่ามีการศึกษาดีที่สุดในโลกจนสามารถเป็นต้นแบบของการพัฒนาการศึกษาในทุกประเทศได้ และระบบการศึกษาสหรัฐฯไม่สามารถเทียบได้เลย โดยหัวใจสำคัญของความสำเร็จของฟินแลนด์ ก็คือการให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กตั้งแต่วัยก่อนอนุบาล แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งเสริมคุณภาพการศึกษาให้เข้าขั้นสมบูรณ์แบบ

1. แข่งขันไม่สำคัญเท่าร่วมมือ
โรงเรียนในฟินแลนด์ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันสร้างชื่อเสียงเพื่อแย่งนักเรียน เพราะไม่มีโรงเรียนเอกชนในประเทศเลย ทุกสถาบันการศึกษาดำเนินการโดยงบประมาณจากภาครัฐ การร่วมมือกันระหว่างโรงเรียนและมหาวิทยาลัยจึงเป็นไปอย่างราบรื่น แต่การไร้การแข่งขัน ไม่ทำให้ครูสอนเด็กอย่างเฉื่อยชาหรือโรงเรียนจัดการเรียนการสอนอย่างด้อยคุณภาพ ในทางตรงกันข้าม โรงเรียนและครูต่างมีพันธสัญญาในการทำหน้าที่อย่างดีที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องมีการทดสอบมาตรฐานด้วยซ้ำ

2. ครูเป็นอาชีพมีศักดิ์ศรีและรายได้สูง
เหตุที่ครูในฟินแลนด์ไม่จำเป็นต้องถูกตรวจสอบมาตรฐานและมีการแข่งขันกันเพื่อให้ทำงานได้มาตรฐาน ก็เป็นเพราะอาชีพครูในฟินแลนด์เป็นอาชีพที่ได้รับความเคารพ และเงินเดือนสูง ทำให้มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น โดยอัตราผู้สอบเข้าบรรจุครูได้ อยู่ที่ร้อยละ 7 เท่านั้น ผลก็คือผู้ที่จะเป็นครู ต้องเป็นบุคลากรระดับหัวกะทิของประเทศ ในฐานะที่ฟินแลนด์ให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนาทรัพยากรบุคคล ผู้ที่จะเข้ามาเป็นครูได้ต้องจบการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป และนักศึกษาครูจะต้องผ่านการฝึกสอนกับโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยของตนเองก่อน เช่นเดียวกับระบบการเรียนของคณะแพทยศาสตร์ที่ต้องให้นักศึกษาแพทย์ฝึกรักษาจริงก่อนจบการศึกษา และแม้ฟินแลนด์จะกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจหนักหน่วง แต่ก็ไม่มีการประนีประนอมมาตรฐานในด้านการคัดเลือกและฝึกอบรมครู

3. การศึกษาอยู่บนรากฐานของงานวิจัย
ในสหรัฐฯ รวมถึงอีกหลายๆประเทศ งานวิจัยที่ว่าทฤษฎีใดจะสามารถพัฒนาการเรียนการสอนได้ มักไม่ถูกนำมาใช้จริง เนื่องจากการเมืองภายในของสถาบันการศึกษาต่างๆ แต่ในฟินแลนด์ งานวิจัยเหล่านี้ถูกนำมาปรับใช้อย่างจริงจัง กระทรวงศึกษาธิการฟินแลนด์ตัดสินใจออกนโยบายโดยอิงกับงานวิจัยเหล่านี้แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ หากงานวิจัยใดพิสูจน์ได้อย่างเป็นรูปธรรมว่าการเรียนการสอนแบบใดมีประสิทธิภาพ ก็จะถูกนำมาปรับเป็นนโยบายทันที หรือเรียกง่ายๆว่านโยบายการศึกษาในฟินแลนด์ขับเคลื่อนไปอย่างมืออาชีพ ไม่ใช่ขับเคลื่อนโดยการเมือง

4. ฟินแลนด์ไม่กลัวที่จะทดลอง
ครูฟินแลนด์ได้รับการสนับสนุนให้ถือห้องเรียนเป็นห้องทดลอง ไม่ว่าจะเป็นการสอนหรือกิจกรรมแบบไหน ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในห้องเรียนหากครูและนักเรียนเห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ อะไรที่ไม่ได้ผลก็จะถูกยกเลิก และเปลี่ยนไปสู่การทดลองใหม่ๆทันที แต่การเรียนการสอนก็ยังดำเนินต่อไปได้ โดยมีงานวิจัยหลักๆและนโยบายของรัฐบาลเป็นแกนกลาง ทั้งหมดนี้ทำให้ห้องเรียนฟินแลนด์สร้างสรรค์ ไม่น่าเบื่อ และทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียนเอง

5. เวลาเล่นศักดิ์สิทธิ์เท่าเวลาเรียน
ครูฟินแลนด์ทุกคนต้องทำตามกฎกระทรวงศึกษาธิการ ที่ระบุว่าใน 1 ชั่วโมงเรียน ต้องแบ่งเป็นการสอนจากครู 45 นาที และการเล่น 15 นาที อันเนื่องมาจากทฤษฎีรากฐานของการศึกษาฟินแลนด์ที่ว่าเด็กควรต้องรักษาความเป็นเด็กไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ไม่จำเป็นต้องรีบโตขึ้นมาเป็นนักท่องจำหรือนักทำข้อสอบ แนวคิดเรื่องการให้เด็กมีเวลาเล่นในระหว่างวัน ได้รับการพิสูจน์จากงานวิจัยจำนวนมากที่พบว่าเด็กที่ได้พักเล่นระหว่างเรียน จะมีความประพฤติและผลการเรียนดีกว่าเด็กที่ไม่มีเวลาเล่น

6. เด็กมีการบ้านน้อยมาก
โรงเรียนฟินแลนด์ให้ทุกอย่างกับเด็ก ยกเว้นการบ้าน แนวปฏิบัตินี้มาจากรากฐานของความเชื่อมั่นและเคารพซึ่งกันและกันระหว่างครู ผู้ปกครอง และโรงเรียน พ่อแม่และโรงเรียนเชื่อมั่นว่าครูได้ใช้เวลาในห้องเรียนอย่างเต็มประสิทธิภาพเพียงพอแล้วในการสั่งสอนความรู้ การทำการบ้านนอกเวลาเรียนจึงถูกมองว่าไม่จำเป็น และเวลาที่เด็กอยู่บ้าน ควรมีไว้เพื่อการเรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตและอยู่กับครอบครัว ซึ่งสำคัญไม่แพ้การเรียน

7. อนุบาลเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
การศึกษาที่ดีควรเริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็กที่สุด และฟินแลนด์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีการศึกษาฟรีที่ได้มาตรฐานสูงตั้งแต่ระดับเดย์แคร์ เนิร์สเซอรี และอนุบาล และเด็กอายุ 3-6 ปีของฟินแลนด์กว่าร้อยละ 97 ก็ได้ใช้สวัสดิการโรงเรียนอนุบาล ที่สำคัญ โรงเรียนอนุบาลและเนิร์สเซอรีทั่วประเทศยังดำเนินการใต้มาตรฐานเดียวกันของรัฐ เตรียมความพร้อมเด็กไปสู่โรงเรียนประถมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะในเมืองหลวงหรือชนบท

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
187Article
76559Video
0Blog