จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก "สมัครงาน สอบราชการ" โพสต์หนังสือของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 4 ซึ่งเป็นคำสั่งให้ลูกจ้างชั่วคราวทุกอัตราหยุดปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 เป็นต้นไป ซึ่งหนังสือดังกล่าวลงวันที่ 24 ก.ย. 2562 ส่งถึงผู้อำนวยการโรงเรียนทุกโรงเรียนในสังกัด มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้จัดสรรอัตราลูกจ้างชั่วคราวปี 2562 ให้สถานศึกษาในสังกัด โดยสัญญาจ้างจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย. 2562
โดยอัตราจ้างประกอบด้วย พนักงานราชการ 19 อัตรา ครูอัตราจ้างวิกฤต 36 อัตรา บุคลากรทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ 19 อัตรา ธุรการโรงเรียน 42 อัตรา ธุรการโรงเรียน 48 อัตรา พี่เลี้ยงเด็กพิการ 34 อัตรา นักการภารโรง 21 อัตรา และครูผู้ทรงคุณค่าแห่งแผ่นดิน 25 อัตรา รวมทั้งสิ้น 244 อัตรา ซึ่งขณะนี้ระหว่างรอการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้ลูกจ้างชั่วคราวทุกอัตราหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ระหว่างรอการจัดสรรอัตราและงบประมาณ ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการสถานศึกษา ในการบริหารอัตรากำลัง และจะก่อหนี้ผูกพันได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติงบประมาณแล้วเท่านั้น ซึ่งทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ารัฐบาลหมดงบประมาณจ้างครูและบุคลากรในสถานศึกษา อีกทั้งทำให้ครูและบุคลากรดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน
ล่าสุด ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ 4 อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ จากการติดต่อเข้าพบ นายกิตติภัช กนกธาดาสกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ 4 เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ปรากฏว่านายกิตติภัช เดินทางไปปฏิบัติราชการ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นได้รับการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ว่ากรณีดังกล่าวน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะเป็นปกติทุกปีอยู่แล้วที่เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณจะต้องทำหนังสือแจ้งไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อแจ้งให้ครูอัตราจ้างและบุคลากรตามอัตราจ้างว่าสิ้นสุดสัญญาจ้างที่ทำเป็นปีต่อปี ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจกันดีอยู่แล้ว โดยหนังสือดังกล่าวจะส่งถึงผู้อำนวยการโรงเรียนเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่ามีการเผยแพร่ออกไปได้อย่างไร ทั้งนี้รายละเอียดต่างๆ ต้องให้ผู้บริหารเป็นผู้ชี้แจงต่อไป
ขณะที่ จากการสอบถามผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ 4 แสดงความเห็นว่า กรณีในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและขวัญกำลังใจของลูกจ้างชั่วคราวอย่างมาก โดยเฉพาะครูอัตราจ้าง เพราะมีการระบุชัดเจนว่าให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 เป็นต้นไป ถึงแม้ว่าจะบอกว่าให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้อำนวยการก็ตาม ซึ่งหากโรงเรียนต้องขาดครูอัตราจ้างไป เชื่อว่าส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนและการทำงานของโรงเรียนอย่างแน่นอน เพราะปกติจำนวนครูที่มีอยู่แทบจะไม่เพียงพอดูแลนักเรียนที่มีจำนวนมากอยู่แล้ว ทำให้คุณภาพการเรียนการสอนจะยิ่งลดน้อยลง
ดังนั้น ตนมองว่าแทนที่รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณแจกจ่ายให้คนละ 1,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ น่าจะนำเงินงบประมาณนั้นมาใช้ในการจ้างครูและบุคลากรทางการศึกษาน่าจะดีกว่า และหากเป็นไปได้ควรมีการวางระบบที่ดีในเรื่องการบริหารจัดการเรื่องนี้เสียทีเพื่อที่ปีต่อๆ ไปจะได้ไม่มีปัญหาอีก เพราะที่จริงเป็นปัญหามาตลอด แต่ไม่มีการพูดถึงเท่าที่ควร
ความในใจครูอัตราจ้าง ทำงานมา 9 ปี เพิ่งเจอหนังสือแจ้งแบบนี้ หวั่นอนาคต
ด้านนางสราณจิตร ปัญญามูล อายุ 46 ปี ครูอัตราจ้างโครงการวิทย์-คณิต โรงเรียนวัดศรีล้อม ตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทำงานเป็นครูอัตราจ้างมา 9 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยพบว่า มีการออกหนังสือแจ้งเหมือนในครั้งนี้ ที่มีการระบุชัดเจนว่าให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 เป็นต้นไป ซึ่งทำให้รู้สึกกังวลใจและหวาดวิตกเป็นอย่างมากว่าจะไม่มีการจ้างต่อ เพราะทุกปีที่ผ่านมา ตามปกติแล้วครูอัตราจ้างจะทราบอยู่แล้วว่าสัญญาจ้างจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย. แต่หากไม่มีปัญหาเรื่องการไม่ผ่านการประเมินการทำงาน หลังจากนั้นก็ยังคงมาทำงาน ตามปกติไปก่อน และได้รับค่าจ้างย้อนหลังหรืออาจจะไม่ได้รับแล้วแต่กรณี แต่จะยังคงได้ทำงานต่อ
กรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้หากครูอัตราจ้างต้องยุติการมาทำงานจริงแล้วไม่มีการจ้างต่อจะส่งผลกระทบต่อชีวิตครูอัตราจ้างอย่างมาก เพราะทุกคนต่างมีภาระรับผิดชอบและไม่ทันตั้งตัว รวมทั้งมองว่าจะส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอน และตัวเด็กนักเรียนอย่างมากด้วย เพราะเป็นช่วงที่เพิ่งสอบเสร็จ ต้องตรวจข้อสอบและทำเกรดให้นักเรียน ซึ่งส่วนตัวนั้น หลังวันที่ 30 ก.ย. 2562 จะยังคงทำงานต่อให้เสร็จเรียนร้อยทั้งการตรวจข้อสอบและการทำเกรดให้นักเรียน แม้ว่าจะได้รับการจ้างต่อหรือไม่ก็ตาม เพราะหน้าที่การเป็นครูสำคัญที่สุด พร้อมทั้งอยากเรียกร้องให้ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการมีการชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเร็ว
ตกใจ กังวล เป็นห่วงนักเรียน
ขณะเดียวกัน นางสาวทับทิม ศรีหมื่น อายุ 27 ปี ครูอัตราจ้าง ตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กพิการ โรงเรียนเดียวกัน เปิดเผยว่า ทำงานในตำแหน่งนี้มาประมาณ 3 ปี อัตราเงินเดือน 9,000 บาท โดยที่โรงเรียนมีการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนทั้งหมด 157 คน และเป็นเด็กพิเศษจำนวน 30 คน ซึ่งต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่มากกว่าเด็กนักเรียนปกติ
โดยหลังจากที่ทราบเกี่ยวกับหนังสือดังกล่าวที่ระบุว่าให้ยุติการปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 เป็นต้นไปนั้น รู้สึกตกใจและหวาดวิตกเป็นอย่างมากว่าจะต้องถูกเลิกจ้าง เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการระบุเช่นนี้มาก่อนว่าให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ แม้จะทราบดีว่าตามปกติจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 ก.ย.ของทุกปี แต่ยังมาทำงานตามปกติและรองบประมาณจ้างต่อ ซึ่งหากต้องถูกเลิกจ้างยอมรับว่าจะได้รับความเดือดร้อนอย่างมากแน่นอน เพราะทั้งตัวเองและสามีเป็นครูอัตราจ้างเหมือนกัน หากต้องถูกเลิกจ้างทั้งคู่ ย่อมส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวและการเลี้ยงดูลูกอย่างแน่นอน ซึ่งเวลานี้เตรียมวางแผนไปหาสมัครงานไว้บ้างแล้วเพื่อทำงานชั่วครางหากต้องถูกเลิกจ้าง เพราะยังต้องการและมีความใฝ่ฝันที่จะอาชีพครู โดยตั้งใจว่าจะต้องสอบบรรจุให้ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :