วันที่ 13 ต.ค. 2564 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม Cross Cultural Foundation (CrCF) เผยแพร่ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กว่า วันพรุ่งนี้ 14 ต.ค. 2564 เวลา 13.30 น. สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ถูกบังคับสูญหายเมื่อปี 2563 จากที่พักในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สน.ทองหล่อ จากกรณีที่สิตานันได้ไปร่วมชุมนุมเพื่อถ่ายทอดความอยุติธรรมที่ตนเองได้รับจากเจ้าหน้าที่รัฐและเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่น้องชายและเหยื่อการบังคับสูญหาย ในการชุมนุม ณ แยกอโศกมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ อันเป็นสิทธิเสรีภาพที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ สน.ทองหล่อ ได้ออกหมายเรียก สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ลงวันที่ 28 ก.ย. 2564 ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา โดยตั้งข้อหาฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กับผู้เข้าร่วมการชุมนุมที่แยกอโศกมนตรี ในวันที่ 5 ก.ย. 2564 ซึ่งได้รับหมายเรียกไปก่อนหน้านี้ และเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่สน.ทองหล่อ ไปแล้ว เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา ทั้งหมด 11 ราย โดยทุกคนได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองและแสดงความคิดเห็นของตนต่อไป ขณะที่ สิตานัน ไม่ได้รับหมายเรียกทั้งสองครั้ง จึงให้ทนายความติดต่อขอเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีนี้
สิตานัน ได้สะท้อนความรู้สึกต่อการออกหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ว่า รู้สึกเสียใจและสิ้นหวังในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่รัฐนอกจากจะไม่สนใจติดตามคดี ไม่ช่วยเหลือในการตามหาน้องชายของเธอ รวมทั้งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษเพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ครอบครัวของเธอและสังคม กรณีที่น้องชายของเธอที่หายสาบสูญไปตั้งแต่เมื่อ 1 ปีก่อนแล้ว แต่กลับเลือกใช้กฎหมายมาดำเนินคดีฟ้องปิดปาก ซึ่งต่อสู้เรียกร้องสิทธิความเป็นมนุษย์ให้กับน้องชายและเหยื่อการบังคับสูญหายคนอื่นๆ มาโดยตลอด ทำให้ผู้เสียหายอย่างเธอต้องกลับกลายมาเป็นผู้ต้องหา
“เราไม่มีหนทางอื่นนอกจากการเรียกร้องโดยผ่านการแสดงความเห็นและเสนอความจริงต่อประชาชน (เกี่ยวกับ) กระบวนการยุติธรรมซึ่งล้มเหลวในการสืบสวน การที่มาผลักดันเรื่อง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. … มันเป็นภัยต่อความมั่นคงมากหรือ ถึงกับต้องแจ้งข้อกล่าวหา ปิดปากผู้เสียหาย ทั้งๆ ที่เรามาทวงความยุติธรรมให้กับคนในครอบครัว แต่รัฐกลับมองเราเป็นศัตรู” สิตานันกล่าว
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ในฐานะองค์กรสิทธิมนุษยชนขอยืนยันว่า สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกผ่านการชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งรัฐไทยได้ลงนามเป็นภาคี การฟ้องปิดปากนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและผู้ชุมนุมที่ออกมาใช้สิทธิที่ตนพึงมีในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองหรือเรียกร้องความเป็นธรรม เป็นการกระทำที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในรัฐที่มีระบอบการปกครองเป็นประชาธิปไตย
มูลนิธิฯ จึงขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป ร่วมติดตามการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันและเวลาดังกล่าว เพื่อปกป้องสิทธิในการรวมกลุ่ม และร่วมกันสื่อสารต่อรัฐว่า สิทธิขั้นพื้นฐานในการชุมนุมและการแสดงออกทางการเมืองหรือเรียกร้องความเป็นธรรมเป็นของประชาชนคนไทยทุกคนและรัฐมีหน้าที่ประกันสิทธินั้น มิใช่นำกฎหมายมาเป็นเครื่องมือในการปิดปากประชาชนเช่นนี้