หน่วยความมั่นคงสั่งคุมเข้มพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังมีกระแสข่าวว่า กลุ่มก่อการร้าย ไอเอส. เข้ามาในประเทศไทย ด้านโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยืนยันยังไม่มีรายงานพบบุคคลดังกล่าว ที่ผ่านมาพบเป็นกระแสข่าวหลายครั้ง พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเพื่อความไม่ประมาท
เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง จังหวัดยะลา ร่วมกันตั้งด่านตรวจค้นรถทุกชนิดอย่างละเอียด และตรวจสอบบุคคล หลังทางการมาเลเซีย จับผู้ต้องหาไอเอส พร้อมอาวุธปืน ได้ 2 ราย และมีรายงานว่า อีก 1 รายหลบหนีเข้ามาทางชายแดนทางภาคใต้
พ.ต.อ.จำลอง สุวลักษณ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมือง ยะลา กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ร่วมตั้งด่านตรวจลอย หรือจุดสกัดร่วมเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เฝ้าระวังและสังเกตยานพาหนะที่มีชาวมาเลเซียโดยสารมาอย่างละเอียด หากพบบุคคลหรือรถต้องสงสัย ให้เชิญมาตรวจสอบเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจได้ทันที
ส่วนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนาธิวาส และหน่วยงานประจำด่านพรมแดนด้านอำเภอสุไหงโก-ลก ชายแดนเขตติดต่อกับเมืองรันตาปันหยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย อย่างเข้มงวด ทั้งตรวจสอบหนังสือเดินทางผ่านระบบออนไลน์ และตรวจค้นสัมภาระ เพื่อป้องกันข้ามเขตแดนมายังไทย
ทั้งนี้ นายมูฮัมหมัด มูซัฟฟา อารีฟ บินจูไนดี ชาวมาเลเซียที่ถูกทางการระบุเป็นผู้ต้องสงสัยกลุ่มก่อการร้าย ไอ.เอส. พบประวัติเคยเดินทางเข้า-ออก ด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก หลายครั้ง ล่าสุดเดินทางเข้า-ออก เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา
ด้านพ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน.ภาค 4 ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากฝ่ายการข่าวมีการเคลื่อนไหวหรือพบบุคคลต้องสงสัยตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการปล่อยข่าวมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อตรวจสอบก็ไม่พบกลุ่มไอเอส เข้ามาในไทยแม้แต่ครั้งเดียว และเมื่อมีกระแสข่าว ก็ได้กำชับให้ทุกหน่วยเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวยืนยันว่า ไม่มีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว เรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่อยากเปิดเผย เพราะหลายเรื่องที่เปิดกันไป ทำให้เขารู้ว่ารัฐบาลจะทำอะไร และเป็นอันตราย
