ยูเอ็นยืนยันมีการใช้แก๊สพิษจริงในซีเรีย แต่คณะกรรมการสอบสวนของยูเอ็นกลับระบุว่าคนตายส่วนใหญ่ในเมืองอิดลิบเสียชีวิตจากอาวุธสงครามโดยทั่วไป
นายเปาโล แซร์โจ ปิเญโร ประธานคณะกรรมาธิการสอบสวนของสหประชาชาติว่าด้วยกรณีการใช้แก๊สพิษสังหารประชาชนในจังหวัดอิดลิบของซีเรียเมื่อวันที่ 4 เมษายน ได้ออกมาแถลงข่าวผลเบื้องต้นจากการสอบสวนที่พบว่า ในระหว่างการโจมตีทางอากาศในเมืองดังกล่าว ได้มีผู้ปล่อยอาวุธเคมีจริง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นแก๊สซารินหรืออย่างอื่นที่ใกล้เคียงกัน แต่ในขณะเดียวกันเขากลับระบุว่า เหยื่อกว่า 70 รายไม่ได้เสียชีวิตจากอาวุธเคมี แต่เสียชีวิตจากอาวุธสงครามทั่วไป
ด้านสำนักข่าว RT ของรัสเซีย รายงานเพิ่มเติมว่าในการแถลงนั้น นายปิเญโรเปิดเผยด้วยว่า คณะกรรมการพบการแพร่กระจายของแก๊สซารินหรือสารที่มีลักษณะคล้ายแก๊สซารินเกิดขึ้นในช่วงที่มีการโจมตีทางอากาศบริเวณเมืองคาห์นเชคูนในจังหวัดอิดลิบ รวมเป็นเวลาประมาณ 20 นาที แต่ยังไม่อาจระบุได้ว่ากลุ่มใดเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีที่เกี่ยวพันกับสารเคมีดังกล่าว และยังไม่อาจยืนยันได้ว่าฝ่ายใดบ้างที่มีศักยภาพพอที่จะโจมตีทางอากาศเช่นนั้นได้
พร้อมกันนี้ นายปิเญโรยังระบุด้วยว่า คณะกรรมาธิการฯ ไม่อยู่ในฐานะที่จะสรุปผลการสอบสวนในขณะนี้ เพราะยังต้องสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับแก๊สพิษที่มีฤทธิ์ทำลายประสาทที่พบในที่เกิดเหตุ และยอมรับว่าคณะกรรมาธิการฯ ใช้วิธีพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากรัฐบาลหลายประเทศแบ่งปัน โดยรวมถึงภาพถ่ายและวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และการสัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์ หน่วยแพทย์ ทหาร และผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมี โดยที่ไม่ได้เป็นการลงไปตรวจสอบในพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ของฝ่ายกบฎในซีเรียตามที่รัสเซียเรียกร้องแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ และหลายประเทศในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ต่างกล่าวหากองทัพซีเรียว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนในจังหวัดอิดลิบเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีคนตายกว่า 100 คน โดยสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเป็นฝีมือของซีเรียและได้ยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์กใส่ฐานทัพอากาศของซีเรีย โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพซีเรียใช้ฐานทัพแห่งนี้ส่งเครื่องบินไปทิ้งอาวุธเคมีใส่ประชาชนอีกครั้ง
เพิ่มเติมข้อมูลเมื่อเวลา 00.31 (23/04/2017)