ศูนย์สิทธิมนุษยชนทหารของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ขณะนี้กองทัพกำลังเร่งไล่ล่าเพื่อดำเนินคดีกับทหารเกย์หลังจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์อื้อฉาวเมื่อคลิปวิดีโอทหาร 2 นายกำลังมีเพศสัมพันธ์กันถูกนำมาเผยแพร่บนโลกออนไลน์
เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ศูนย์สิทธิมนุษยชนทหารเพื่อเกาหลี หรือ MHRCK ได้เปิดเผยเทปบันทึกบทสนทนาระหว่างทหารอาวุโสประจำกองทัพกับนายทหารหนุ่มรายหนึ่ง ซึ่งถูกนำตัวมาสอบสวนเพื่อเค้นข้อมูลเกี่ยวกับเพื่อนทหารของนายทหารหนุ่มรายนี้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นเกย์ โดยในเทปบันทึกบทสนทนา นายทหารอาวุโสได้สอบถามนายทหารหนุ่มว่า เขาเคยใช้ปากสำเร็จความใคร่ให้ทหารนายอื่นหรือไม่ พร้อมขู่ว่าทางกองทัพมีเอกสารข้อมูลกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนายทหารนายนี้กับนายทหารอีกนายหนึ่งกว่า 400 หน้า และกำชับให้นายทหารนายนี้ยอมร่วมมือแต่โดยดี เพราะเขาไม่มีทางพ้นผิดอย่างแน่นอน
ศูนย์สิทธิมนุษยชนทหารเพื่อเกาหลียังระบุอีกว่า ขณะนี้กองทัพกำลังใช้เทปบันทึกบทสนทนาทางโทรศัพท์ และแอพลิเคชันหาคู่ของเกย์ ในการสอดส่องและตามล่าทหารที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน ซึ่งระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมที่ผ่านมา กองทัพได้ทำการขึ้นบัญชีดำทหารจำนวน 40-50 นายที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน
เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ศูนย์สิทธิมนุษยชนทหารเพื่อเกาหลีได้จัดแถลงข่าวเกี่ยวกับการขึ้นบัญชีดำนายทหารที่เป็นเกย์ของกองทัพ พร้อมเรียกร้องให้นายจาง จุง-คยิว ผู้บัญชาการทหารลาออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมากองทัพได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีนโยบายบายไล่ล่าและเอาผิดกับทหารเกย์ พร้อมยืนยันว่า กองทัพเคารพในความเป็นส่วนตัวของทหารที่เป็นเกย์ และกำลังดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้สิทธิมนุษยชนของทหารเหล่านี้ถูกล่วงละเมิด โดยในแถลงการณ์ยังระบุว่า กองทัพมีนโยบายห้ามเลือกปฏิบัติหรือกระทำการที่มีลักษณะแบ่งแยกกีดกันในรูปแบบอื่นๆ
ทว่าศูนย์สิทธิมนุษชนทหารเพื่อเกาหลีกลับเผยหลักฐานบทสนทนาในแอพลิเคชันหาคู่ของเกย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีนายทหารที่ถูกข่มขู่ สอดแนม และไล่ล่าจากการเป็นเกย์เกิดขึ้นจริง
การขึ้นบัญชีดำนายทหารที่เป็นเกย์ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เกิดเหตุอื้อฉาวเมื่อคลิปวิดีโอของทหาร 2 นายกำลังมีเพศสัมพันธ์กันถูกนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ซึ่งในวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา กองทัพได้ออกมาแถลงว่าสามารถจับกุมตัวทหารทั้ง 2 นายในคลิปวิดีโอได้แล้ว และจะสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามระเบียบกองทัพมาตรา 6 หมวด 92 ซึ่งระบุว่า การร่วมเพศทางทวารหนักระหว่างทหารถือเป็นการคุกคามทางเพศที่มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 2 ปี
ระเบียบกองทัพมาตรา 6 หมวด 92 ได้ถูกกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศขนานนามว่า 'กฎหมายต่อต้านกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ' เนื่องจากกฎหมายมาตราดังกล่าวไม่ได้จำแนกระหว่างการคุกคามทางเพศ กับการสมยอมระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ขณะที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเกาหลีใต้ก็เคยเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายฉบับนี้มาแล้ว
นอกจากนี้ กฎหมายฉบับนี้ยังเคยถูกนำขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญถึง 3 ครั้ง ในปี 2002, 2011 และ 2016 เพื่อพิจารณาว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญกลับยืนยันว่า สาระของกฎหมายฉบับนี้ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และในปี 2014 กลุ่มทนายความหัวเสรีนิยมยังเคยเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ แต่กลับไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน โดยประชาชนบางกลุ่มยังแสดงความเห็นว่า การยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ คือ การส่งเสริมการทำลายระเบียบภายในกองทัพ
แม้ระเบียบของกองทัพจะห้ามไม่ให้ทหารเพศเดียวกันมีเพศสัมพันธ์กัน แต่สังคมเกาหลียังเป็นสังคมอนุรักษ์นิยมที่ประชาชนจำนวนมากมีอคติต่อกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ
ผลสำรวจเมื่อปี 2015 พบว่า มีชาวเกาหลีใต้เพียงร้อยละ 23.7 ที่ระบุว่า พวกเขาไม่รังเกียจกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งกลุ่มคนที่ยอมรับในความหลากหลายทางเพศส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนอายุน้อย ขณะที่ชาวเกาหลีใต้ในวัย 50-60 ปีส่วนใหญ่ ยังคงมองกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศในแง่ลบ
นอกจากนี้ องค์กรศาสนาคริสต์ยังเป็นองค์กรที่มีบทบาททางการเมืองเป็นอย่างมาก และองค์กรเหล่านี้พยายามล็อบบีไม่ให้นักการเมืองรับรองสิทธิของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยในจำนวนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 5 คนในปีนี้ มีเพียงนางซิม ซังช็องจากพรรคความยุติธรรมเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่แสดงจุดยืนสนับสนุนสิทธิของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ขณะที่พรรคความยุติธรรมยังเป็นเพียงพรรคการเมืองเดียวที่ออกมาประณามการขึ้นบัญชีดำนายทหารที่เป็นเกย์
เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่ศูนย์สิทธิมนุษยชนทหารแถลงข่าวถึงการขึ้นบัญชีดำนายทหารที่เป็นเกย์ กลุ่มนักกิจกรรมราวๆ 50-60 คนได้ออกมาประท้วงด้วยการจุดเทียนในแก้วกระดาษสีรุ้ง ในย่านดาวทาวน์ของกรุงโซล เพื่อเรียกร้องสิทธิของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยนักกิจกรรมบางส่วนได้แสดงความเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในกองทัพเกาหลีใต้ แทบไม่ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศที่การเป็นเกย์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย และมีบทลงโทษจำคุก ทรมาน หรือแม้แต่ประหารชีวิต
อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 1932 กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ได้มีคำสั่งห้ามการไล่ล่าทหารที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน และห้ามผู้บัญชาการไม่ให้สอบถามเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเพศเดียวกัน หรือรายละเอียดของคู่นอนของนายทหารใต้สังกัด
ทว่าศูนย์สิทธิมนุษยชนทหารเพื่อเกาหลีกลับระบุว่า ขณะนี้กองทัพกำลังฝ่าฝืนคำสั่งปี 1932 โดยพนักงานสอบสวนของกองทัพได้ถามคำถามเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับรายละเอียดของคู่นอนและท่าทางการร่วมเพศ เพื่อเพิ่มจำนวนรายชื่อนายทหารในบัญชีดำ นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบโทรศัพท์ของทหาร การหลอกล่อด้วยแอพลิเคชันหาคู่สำหรับเกย์ และการบังคับให้ทหารที่เป็นเกย์ยอมร่วมมือ
แม้การไล่ล่าเอาผิดนายทหารที่เป็นเกย์จะมีต้นเหตุมาจากคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่เมื่อช่วงต้นปี แต่ศูนย์สิทธิมนุษชนทหารเพื่อเกาหลีกลับระบุว่า ทหารส่วนใหญ่ที่มีชื่อในบัญชีดำไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิดีโอดังกล่าว
ข้อมูลของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2014 กองทัพเกาหลีเหนือมีกำลังพลคิดเป็นร้อยละ 1.3 ของประชากรทั้งหมด ขณะที่จีนมีกำลังพลเพียงร้อยละ 0.14 และสหรัฐฯ มีกำลังพล 0.42 ของจำนวนประชากรภายในประเทศ โดยกฎหมายของเกาหลีใต้ได้บังคับให้ชายที่มีอายุมากกว่า 18 ปี ซึ่งมีสุขภาพสมบูรณ์ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 2 ปี หากฝ่าฝืนจะมีโทษจ่ายค่าปรับและจำคุก รวมถึงถูกสังคมประณาม
ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่าหากการไล่ล่าเพื่อเอาผิดนายทหารที่เป็นเกย์เป็นเรื่องจริง ก็หมายความว่าการเป็นกลุ่มคนรักเพศเดียวกันอาจนำไปสู่การลงโทษได้ โดยเฉพาะในสถานที่อย่างค่ายทหาร ที่ประชาชนถูกบังคับให้เข้าไปได้
ขณะนี้ ศูนย์สิทธิมนุษยชนทหารเพื่อเกาหลีกำลังเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของเกาหลีใต้เข้าตรวจสอบเรื่องนี้ และกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อความหลากหลายทางเพศก็ได้จัดการชุมนุมที่ด้านหน้ากระทรวงกลาโหมในกรุงโซล เพื่อเรียกร้องให้กองทัพยกเลิกการขึ้นบัญชีดำ