ภาคประชาสังคมร่วมจัดเวที "จากบิลลี่ถึงชัยภูมิ ใจแผ่นดินไม่ยอมแพ้" เพื่อระลึกถึงนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ "บิลลี่" นักต่อสู้เพื่อสิทธิชาวกะเหรี่ยงที่ถูกอุ้มหาย และนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวล่าหู่ที่ถูกวิสามัญฆาตกรรมโดยรัฐไทย พร้อมร่วมวงพูดคุยถึงปัญหาการถูกกดขี่ริดรอนสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย
โดยนางอังคณา นีละไพจิตร ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "ยุติกระบวนการนอกระบบยุติธรรม" กล่าวถึงปัญหาการบังคับบุคคลให้สูญหาย การลอบสังหาร และการข่มขู่คุกคามผู้ที่มีความขัดแย้งกับรัฐ
นางอังคณาระบุว่าที่ผ่านมากระบวนการนอกกฎหมายเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดเวลา และกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐไปแล้ว เพราะต้นตอของปัญหาที่สำคัญ คือระบบกฎหมาย ที่ไม่สามารถเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ๆกระทำการดังกล่าวได้ ซึ่งในที่สุดแล้ว ย่อมไม่เป็นผลดีต่อความน่าเชื่อถือและความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อรัฐ
ด้านนางสาวเบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว จากสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าที่ผ่านมาหลายทศวรรษ กลุ่มชาติพันธุ์ได้กลายเป็นเหยื่อของการถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการทำลายป่าเสมอ โดยรัฐเองก็พยายามสร้างภาพในทางลบให้แก่กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ เป็นภัยต่อความมั่นคง ทั้งๆที่ความเป็นจริงกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนใหญ่คือผู้ถูกริดรอนสิทธิจากความเป็นพลเมือง กลายเป็นผู้ไร้สัญชาติ และต้องถูกขับไล่จากผินดินของบรรพบุรุษในหลายกรณี
ขณะที่ศาสตราจารย์วิทิต มันตาภรณ์ ผู้เชี่ยวชาญอิสระ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระบุว่าที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหาการถูกวิจารณ์จากเวทีสหประชาชาติ ในด้านการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ๆละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นจำนวนมาก แม้ในหลายกรณีจะมีการปรับปรุงขึ้นบ้าง เช่นการพยายามออกร่าง พ.ร.บ.ห้ามทรมานและการบังคับสูญหาย แต่ปัญหาส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ โดยเฉพาะการลอยนวลของเจ้าหน้าที่ๆทำความผิด ทั้งๆที่ประเทศไทยเป็นภาคีในอนุสัญญาหลายฉบับ แต่กลับไม่เคยมีการปฏิบัติตามอนุสัญญาเหล่านี้เลย