“อ่าน อ่านและอ่าน”เเนวคิด งานสัปดาห์หนังสือครั้งที่ 45 ที่สะท้อน แวดวงสังคมนักอ่าน ที่ราคาและเวลาเป็นตัวกำหนด
กลับมาอีกครั้งกับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 45 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 15 ที่มีสำนักพิมพ์เข้าร่วมกว่า 430 แห่ง โดยมีทั้งสำนักพิมพ์ชั้นนำและสำนักพิมพ์อิสระ ซึ่งไม่ง่ายนักที่นักอ่านทั่วไปจะสามารถจำจองหนังสือของสำนักพิมพ์เหล่านี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการเปิดบูธถึง 947 บูธ ที่เกี่ยวกับการอ่านและอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ บนพื้นที่ 21,000 ตารางเมตร ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย
แต่ดูแล้วปีนี้กระแสของแวดวงนักอ่านไม่คึกคักเท่าที่ควร ด้วยอาจเพราะไม่มีหนังสือหรือนักเขียนเบอร์ใหญ่ออกผลงาน รวมทั้งปีนี้รางวัลซีไรต์ เป็นหมวดของ บทกวี ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็น ทางเฉพาะกลุ่ม ทำให้ปีนี้ความคึกคักของเหล่านักอ่านลดน้อยลงไปบ้าง แต่ความคึกคักนั้นกลับไปอยู่ที่ฝั่งผู้ผลิตเอง หรือสำนักพิมพ์ ที่มีการพูดคุยถึงการอยู่รอดของตัวเอง
เพราะกระแสที่ร้านหนังสือที่มี เครือข่ายสาขามากที่สุดในประเทศ ( ร้านซีเอ็ด) ได้เริ่มดำเนินการเก็บค่าขนส่งกินเปล่า 1.4 % จากราคาปกหนังสือคูณด้วยจำนวนเล่มจัดส่ง ไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ถือเป็นการดิ้นรนของวงจรธุรกิจสิ่งพิมพ์ในชั่วโมงที่ทุกคน GO ONLINE ซึ่งมีการมองไปถึงสิ่งที่ต้องเผชิญในอนาคต เพราะการจะปรับขึ้นราคาของหนังสือ เป็นเรื่องย้อนแย้งในตัวของมัน ทั้งระบบ หนังสือแพง คนซื้อน้อย คนซื้อน้อยสิ่งพิมพ์ตาย ราคาเป็นปัจจัยที่แปลกของหนังสือ หากเปรียบกับธุรกิจอื่นที่การขึ้นราคาไม่รู้สึกกระทบจิตใจ
เดิมที่โครงสร้างราคาหนังสือเดิม 100 % แบ่งเป็น
1. ค่าจัดจำหน่าย 40-45%
2. ค่าลิขสิทธิ์ผู้เขียน 10%
3. ค่าออกแบบ บรรณาธิการ พิสูจน์อักษร 5-10%
4. ค่าพิมพ์ 25%
5. ค่าดำเนินการ บริหารจัดการ (สำนักพิมพ์) 10-15%
ใน 100 ส่วน กำไรของสำนักพิมพ์มีเพียงแค่ 10 ส่วนเท่านั้น บางครั้งก็ไม่ถึงด้วยซ้ำ
ทั้งหมดจึงเห็นภาพว่า สำนักพิมพ์เองมีรายได้อันน้อยนิดเท่าเดิม กับสถานการณ์คนอ่านสิ่งพิมพ์ที่ลดน้อยลง และส่งผลให้สิ่งพิมพ์บางแห่งก็ต้องปิดตัว ขณะที่ในต่างประเทศราคาหนังสือสูงกว่าประเทศไทยอย่างมาก และยังคงมียอดขายสูงต่อเนื่อง ยกตัวอย่างหนังสือของฮารุกิ มูราคามิ นักเขียนและนักแปลร่วมสมัยชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่เพิ่งได้วางขายหนังสือเล่มใหม่ในชื่อ “Killing Commendatore”จำนวน 2 เล่ม ใน ราคาเล่มละ 1,944 เยน หรือเงินไทย 600 บาท รวม 2 เล่ม ก็ 1,200 บาท
เฉลี่ยในประเทศอื่น และกับนักเขียนทั่วๆไป ขายเล่มละ 400-500 บาท ส่วนที่เมืองไทย ที่มีสำนักพิมพ์กํามะหยี่ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หนังสือของฮารุกิ มูราคามิ ขายเฉลี่ยเล่มละ 200 - 300 บาท ซึ่งเป็นราคาที่คนไทยก็ยังเห็นว่า มันเป็นราคาที่สูงสำหรับหนังสือ
ขออ้างอิง บทสรุป สำหรับผู้บริหารและสื่อมวลชน การศึกษาพฤติกรรมการอ่านและซื้อหนังสือของคนไทย สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ECON CHULA) ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) กุมภาพันธ์ 2558
พฤติกรรมการซื้อหนังสือของคนไทย หากพิจารณาการซื้อหนังสือพบว่า คนไทยที่อ่านหนังสือจะซื้อหนังสือเฉลี่ยปีละ 4 เล่ม โดยคนกลุ่มที่ ซื้อหนังสือมากที่สุดคือคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปีซื้อเฉลี่ยปีละ 9 เล่ม รองลงมาคือคนที่อายุ 21-30 ปี ซื้อเฉลี่ยปี ละ 6 เล่ม และค่อยๆ ลดจำนวนลงในคนที่มีอายุมากขึ้น จนกระทั่งคนที่มีอายุมากกว่า 61 ปีขึ้นไปจะกลับมา ซื้อเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 4 เล่มต่อปี
จำนวนหนังสือโดยเฉลี่ยต่อครั้งที่ซื้อจากร้านหนังสือ พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.8 ซื้อ ไม่เกินครั้งละ 2 เล่ม มีค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสือโดยเฉลี่ยต่อครั้ง ส่วนใหญ่ร้อยละ 87.9 ไม่เกิน 500 บาท และมากกว่าครึ่งหรือร้อยละ 59.5 ใช้เวลาในการเลือกหนังสือไม่เกิน 30 นาที
งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 45 ที่จะจัดต่อไปจนถึงวันที่ 9 เมษายน 2560 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 10.00-21.00 น. ภายใต้แนวคิด “อ่าน อ่านและอ่าน” ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ของไทย พ.ศ. 2560 - 2564 โดยกระทรวงวัฒนธรรม ที่มีเป้าหมายให้คนทุกวัยในสังคมไทยมีวัฒนธรรมการอ่านที่เข้มแข็ง และภายในระยะเวลา 5 ปี ต้องผลักดันให้คนไทยใช้เวลากับการอ่านที่มีคุณภาพมากขึ้นกว่าเดิม 3 เท่า ถ้ายังไม่มีทางออกกับปัญหาราคาหนังสือในระยะเวลาอันใกล้ เป้าหมายการอ่านที่มีคุณภาพคงเกิดขึ้นยาก
เพราะหนังสือที่มีคุณภาพเกิดจากทุกกระบวนมคุณภาพ “ผู้เขียน ผู้แปล สำนักพิมพ์”
เพราะ“อ่าน อ่านและอ่าน” อย่างเดียวไม่ตอบโจทย์กระตุ้นองค์ความรู้ ถ้าสิ่งที่อ่านไม่มีคุณภาพ เวลาที่เสียไปก็ไม่ได้อะไรกลับคืนมา จริงอยู่ คำพูดที่ว่า หนังสือไม่เคยทำร้ายใคร แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก ที่ไม่ทำร้าย การทำร้ายนั้น มองได้หลายมิติ การเสียเวลากับการอ่านที่ไร้ประโยชน์ “ทำร้ายเวลาแน่นอน” หนังสือที่ไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง “ทำร้ายการรับรู้แน่นอน” ดังนั้นอย่าอ่านอย่างเดียวควรเลือกอ่านด้วย “หนังสือคืออาหารสมอง แต่ถ้าอาหารไม่มีคุณภาพ สมองก็จะไม่มีคุณภาพ ตามไปด้วย