เว็บไซต์มติชนรายงาน ศาลจังหวัดเกาะสมุยอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค8 ให้อัยการฝ่ายโจทย์ฟัง ยืนตามศาลชั้นต้นประหารชีวิต 2 จำเลย คดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า เมื่อปี2557
ศาลจังหวัดเกาะสมุยอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค8 ให้อัยการฝ่ายโจทย์ฟัง ยืนตามศาลชั้นต้นประหารชีวิต 2 จำเลยคดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่าเมื่อปีพ.ศ.2557 ซึ่งคดีนี้ถือว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลอังกฤษและสื่อให้ความสนใจเป็นพิเศษ
เมื่อวันที่ 1 มี.ค. เวลา 09.00น. ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเกาะสมุย ได้ขึ้นนั่งบังลังก์ 1 เพื่ออ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 คดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า โดยมีนายธีระวุฒิ พราหมหันต์ รองอัยการจังหวัดเกาะสมุย ฝ่ายโจทย์รับฟังคำตัดสินแทนผู้เสียหายฝ่ายโจทย์
โดยตำตัดสินของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ยืนตามศาลชั้นต้น ว่าส่วนอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง โดยมีนายซอลิน แรงงานชาวเมียนมา เป็นจำเลยที่ 1 และนายเวพิว เป็นจำเลยที่ 2 ที่อ้างว่าโจทย์ไม่มีเอกสารและถาพถ่ายในชั้นตอนการจัดเก็บวัตถุพยาน การบรรจุปิดผนึก การส่งและรับวัตถุพยาน และการตรวจสอบวัตถุพยานบางขั้นตอนมาเป็นพยานนั้น เห็นว่าในการปฎิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีนี้ นับแต่พนักงานสอบสวนรับแจ้งเหตุเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานไปจนถึงการตรวจพิสูจน์เสร็จสิ้น ผู้ตรวจพิสูจน์ออกรายงานส่งให้พน้กงานสอบสวน มีเหตุการณ์ขั้นตอนที่ต้องดำเนินการหลายขั้นตอน การทำเอกสาร ถ่ายภาพเหตุการณ์และชั้นตอนต่างๆทั้งหมดเพื่อเก็บไว้ย่อมเป็นไปไม่ได้ การที่โจทย์ไม่ได้เอกสารหรือภาพถ่ายของเหตุการณ์บางขั้นตอน เช่น ไม่ส่งภาพขณะที่ตรวจเก็บวัตถุพยานจากช่องคลอด ทวารหนัก และหัวนมของผู้ตายที่ 2 มาเป็นพยาน จึงไม่เป็นข้อพิรุธที่จะระแวงว่าเจ้าพน้กงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ปฎิบัติงานในชั้นตอนในการตรวจเก็บนั้น เพราะสิ่งที่ทำให้ศาลเชื่อหรือไม่เชื่อพยานหลักฐานของโจทย์นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาพถ่ายภาพหนึ่งภาพใด หรือเอกสารฉบับหนึ่งฉบับใดของเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ้ง หรือขั้นตอนใดชั้นตอนหนึ่งเท่านั้น แต่ศาลเชื่อพยานหลักฐานของโจทย์ก็โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานทั้งปวงที่โจทย์นำสืบมาทั้งหมดว่ามีเหตุผลเชื่อมโยง มั่นคงหนักแน่น จนแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริง และจำเลยทั้งสองเป็นผู้กระทำความผิดนั้นโดยปราศจากความสงสัยใดๆ
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้วข้างต้น สำหรับเหตุผลอื่นๆตามอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยทั้งสองไม่เป็นสาระ และไม่ทำให้ผลแห่งคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองมานั้น ศาลอุทธรณ์ภาค8 เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น ผู้พิพากษ���ศาลจังหวัดเกาะสมุย จึงได้อ่านคำตัดสินศาลอุทธรณ์ที่พิจารณาตามศาลชั้นต้นคือให้ประหารชีวิต นายซอลิน จำเลยที่ 1 และนายเวพิว จำเลยที่ 2 แรงงานชาวเมียนมาดังกล่าว ที่ในขณะนี้จำเลยทั้งสองถูกควบคุมอยู่ที่เรือนจำบางขวาง
สำหรับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กันยานยน 2557 เวลาประมาณหลังเที่ยงคืน จำเลยทั้ง2 มีเจตนาฆ่านายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ อายุ 24 ปี โดยการใช้ด้ามจอบตีจนถึงแก่ความตาย และน.ส.ฮานนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ อายุ 24 ปี ถูกจำเลยทั้งสองข่มชืนกระทำชำเรา และใช้จอบตีทำร้ายจนเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณโขดหิน หาดทรายรี ม.1 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี จากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายซอลิน ผู้ต้องหาได้ที่เกาะเต่า ส่วนนายเวพิว ผู้ต้องหาอีกรายได้หลบหนีไป และถูกจับกุทได้ที่ท่าเทียบเรือนอนในตัวเมือง จ.สุราษฎร์ธานี
และเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2558 ศาลจังหวัดเกาะสมุยได้อ่านคำพิพากษาว่า นายซอลิน จำเลยที่ 1 และนายเวพิว จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288,289(7),276วรรคสาม ประกอบมาตรา83 และจำเลยที่ 2 ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(1) วรรคแรก และพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา12(1),18วรรคสอง,62วรรคหนึ่ง อีกกระทงหนึ่งการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดต่อไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายที่ 1 ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง ฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายที่ 2 เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง และในวันเดียวกันวทนายความของจำเลยทั้ง 2 ได้ยื่นอุทธรณ์
ที่มา : Matichon