ไม่พบผลการค้นหา
แพทย์ ระบุ ลุงถูกแมวข่วน ติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อ อาการล่าสุดยังน่าเป็นห่วง แต่มีโอกาสหายสูงไม่น่าจะถึงขั้นตัดข�� ด้านลูกสะใภ้วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือด้านการเงิน

แพทย์ ระบุ ลุงถูกแมวข่วน  ติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อ อาการล่าสุดยังน่าเป็นห่วง แต่มีโอกาสหายสูงไม่น่าจะถึงขั้นตัดขา ด้านลูกสะใภ้วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือด้านการเงิน 

จากกรณีผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กชื่อ อยากเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน”ได้โพสต์ภาพจำนวน 2 ภาพ โดยเป็นภาพขาขวามีบาดแผลฉกรรจ์พร้อมกับระบุว่า”เตือนทุกคนนะค่ะ ที่เห็นโพสต์นี้ ถ้าคุณหรือคนในบ้านคุณถูกแมวข่วน แค่โดนข่วน ให้คุณรีบไปหาหมอฉีดยาทันที ไม่งั้น คุณอาจติดเชื้อใต้ผิวหนังนี้ป่ะ โดนข่วนไม่ได้โดนกัดเลย ไม่ได้เอะใจอะไร ปล่อยไว้ 3 วันเป็นขนาดนี้ หมอบอกถ้ามาช้ากว่านี้สองวันต้องตัดขาทิ้งเลยนะค่ะ”จากนั้นได้มีการแชร์ภาพและข้อความดังกล่าวกันในโลกโซลเชียล 

ล่าสุดวันนี้(23 ม.ค.)ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบพบว่าผู้ป่วยหรือนายวีระ พันทิพย์ อายุ 63 ปี พักรักษาตัวอยู่หอผู้ป่วยรวมตึกศัลยกรรมชายชั้น 3 โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต  โดยมี น.ส.รุ่งนภา งามจันทร์ ลูกสะใภ้ผู้โพสต์ข้อความทางโซเชี่ยลเฝ้านายวีระ อยู่และเล่าว่าลุงถูกแมวข้างบ้านข่วนที่หน้าแข้ง-น่องขวาเป็นทางยาวและมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมาแต่ไม่ได้มาหาหมอฉีดวัคซีนในทันทีเพราะไม่คิดว่าแผลขนาดนี้จะมีอันตราย

กระทั้งวันที่ 17 ม.ค.พบว่ารอยข่วนที่บริเวณหน้าแข้งเริ่มบวมแดงและมีไข้สูง แต่คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากจนกระทั่งวันที่ 19 ม.ค.รู้สึกไม่ดี จึงนำพ่อสามีส่ง รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ดูอาการ จากนั้นแพทย์ได้ทำการผ่าตัดในคืนเดียวกัน เพื่อตัดเนื้อที่ติดเชื้อออก เนื่องจากบาดแผลติดเชื้อรุนแรง โดยแพทย์ระบุว่าติดเชื้อใต้ผิวหนัง

ต่อมาวันที่ 21 ม.ค.รอยข่วนที่บริเวณน่องขวาเริ่มมีอาการบวม แพทย์จึงต้องผ่าตัดเอาเนื้อที่ติดเชื้อออกอีก และนอนรักษาตัวที่ตึกศัลยกรรม รพ.วชิระภูเก็ตมาถึงวันนี้ ตอนนี้ครอบครัวของตนลำบากมากเนื่องจากสามีตนก็ต้องโทษติดคุก ต้องทำงานดูและลูก ส่วนน้องสาวของสามี ก็เพิ่งประสบอุบัติเหตุทำงานไม่ได้ พ่อตาเป็นคนทำงานขับเรือหาเงินเลี้ยง  ซ้ำพ่อตามาเกิดขาติดเชื้อรอการผ่าตัดทำให้ยิ่งลำบากทั้งขาดรายได้และคนดูแล ถึงแม้อาการของพ่อตาจะดีขึ้นและกลับไปอยู่บ้านได้แต่ต้องลำบาก เพราะไม่มีเงินมาจุนเจืออยากให้ผู้ใจบุญช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะขณะนี้ลำบากไม่รู้จะพึ่งใคร ทั้งนี้ตนเองยังรู้สึกไม่คาดคิดว่าแผลแค่นี้จะทำให้เกิดลุกลามจนมากมายขนาดนี้ หากรู้ว่าอันตรายก็จะพามารักษาตั้งวแต่เนิ่นๆ  

นพ.เฉลิมพงษ์  สุคนธผล ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต เปิดเผยว่าผู้ป่วยมารักษาหลังถูกแมวข่วนมา 7 วันหลังมีอาการปวดแสบร้อน ตึงและเริ่มมีน้ำเหลืองออกมา แพทย์สงสัยว่าน่าจะเป็น “โรค Nacrotyzing Pascilitis หรือโรคแบคทีเรียกินเนื้อ”  ซึ่งเป็นการติดเชื้อแบคที่เรียอย่างรุนแรง โดยลักษณะของเชื้อชนิดนี้ชอบเนื้อกินไปที่ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ไขมันใต้ผิวหนัง และเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ ก่อนจะเข้าสู่กล้ามเนื้อ ในช่วงค่ำวันที่ 18 ม.ค.แพทย์รีบนำเข้าห้องผ่าตัดใหม่ทันทีทำการตัดเนื้อที่ตายออกเพราะเชื้อชนิดนี้มีสารพิษทำลายเนื้อเยื่อรุนแรงหากปล่อยไว้เชื้ออาจจะแพร่กระจายจนอาจจะติดเชื้อในกระแสเลือดถึงขั้นเสียชีวิตได้หรือต้องตัดขาทิ้ง หลังจากนั้นให้ยาฆ่าเชื้อให้สารน้ำต่างๆ เพื่อประคับประคอง อีกทั้งพบว่าผู้ป่วยมีเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติและเป็นโรคไตมีภาวะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายตำลง ทำให้เป็นโรคนี้ได้ง่าย ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ม.ค.แพทย์พบว่าเชื้อลุกลามจากเท้าขึ้นมาที่ต้นขาจึงตัดสินใจเปิดแผลอีกครั้ง และทำการตัดเนื้อที่ตายออกทิ้งให้เนื้อใหม่ค่อยๆสร้างขึ้นมา ซึ่งในการตัดจะไม่ตัดเนื้อที่ตายทั้งหมด เพราะเนื้อจุดที่ก่ำกึ่งมีโอกาสที่จะสร้างขึ้นมาก็จะปล่อยไว้ หรือหากตัดหมดก็อาจทำให้พิการก็ต้องพิจารณา อาการของผู้ป่วยยังอยู่ในขั้นที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากเป็นเชื้อที่รุนแรงมากเป็นพิเศษ ประกอบกับบาดแผลที่เกิดจากแมวข่วนด้วยทำให้แบคที่เรียชนิดที่เจริญเติบโตโดยไม่ต้องการออกซิเจนเข้ามาแทรก  จึงน่าเป็นห่วงแต่ทางทีมแพทย์พยาบาลก็ช่วยกันรักษาอย่างเต็มที่ ซึ่งจากที่ประเมินนั้นยังมีความหวังที่จะหายได้โดยไม่ต้องตัดขา แต่อาจจะต้องใช้เวลานานหลังจากแผลดีขึ้นก็จะทำการเอาเนื้อเยื่อจากส่วนอื่นของร่างกายมาซ่อมแซม ซึ่งในระยะสั้นหากดีขึ้นอาจต้องใช้เวลา 1- 2 สัปดาห์ ส่วนระยะเวลาที่แผลจะหายและกลับบ้านได้นั้นน่าจะประมาณ 1 เดือน เป็นอย่างต่ำ ซึ่งแพทย์จะต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด และอาจจะมีการผ่าตัดเพิ่มเติมอีกหลายครั้งหากพบมีเนื้อตายเพิ่ม 

สำหรับโรคแบคที่เรียกินเนื้อนั้นพบค่อนข้างน้อย ซึ่งความเสี่ยงที่เกิดโรคนี้ส่วนใหญ่พบในคนที่มีภูมิต้านทานต่ำหรือภูมิคุ้มกันผิดปกติ  ซึ่งถ้าคนทั่วไปมีภูมิคุ้มกันปกติไม่ว่าจะโดนสัตว์ข่วนกัด หรือวัตถุทิ่มตำแผลจะหายเองตามธรรมชาติ แต่คนภูมิต้านทานต่ำหรือภูมิคุ้มกันผิดปกติ  หรือบางคนมีการทานยาสเตียรอยด์ ก็อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้บ่อยกว่า ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดให้สั่งเกตุอาการเมื่อมีแผลไม่ว่าจุดไหนก็ตาม ทั้งแผล สัตว์กัด หกล้ม ตำปูตำ หรือฉีดยา แล้วแผลมีอาการปวดบวมแดงอย่างรวดเร็ว มีการลุกลาม ก็อาจจะเป็นได้ 

ดังนั้นที่ต้องทำคือรีบพบแพทย์ มาเร็วเท่าไหร่ความสูญเสียน้อย หากมาช้าก็อาจถึงชีวิตได้ และต้องรีบปฏิบติใน 3 ข้อคือ 1.ต้องดูแลทำความสะอาดแผล 2 .ต้องให้ย่าฆ่าเชื้อ สำหรับแผลถูกสัตว์กัดจะไม่เหมือนกับแผลมีดบาดหรืออื่นๆ เพราะจะมีเชื้อจากปากสัตว์เป็นเชื้อแบคทีเรียแบบไม่มีออกซิเจน จึงต้องให้ยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่ให้เชื้อลุกลาม 3.ต้องให้วัคคซีน อย่าคิดว่าแมว สุนัขตัวเล็กๆกัดจะไม่มีเชื้อโรค เช่นพิษสุนัขบ้า แต่พบว่ามีในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกือบทั้งหมด ดั้งนั้นถ้าถูกสั้ตว์กัดแล้วจะต้องฉีดวัคซีน ที่มีทั้งโรคกลัวน้ำและโรคพิษสุนัขบ้า อย่านิ่งนอนใจว่าสัตว์ไม่เป็นไร คนต้องไม่เป็นไร  จากประวัติเคยพบว่าคนถูกกัดตายแต่สัตว์ไม่ตาย จึงควรปฏิบัติ3 สิ่งนี้เพื่อความปลอดภัยจากโรคและป้องกันการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นมาได้ 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
189Article
76559Video
0Blog