ไม่พบผลการค้นหา
นายอภิสิทธิ์ไม่เคยไปจับใบดำใบแดง ไม่เคยได้เรียนวิชานักศึกษาวิชาทหาร เพียงแต่เคยเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

กรณีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่ยังถูกตั้งข้อสังเกต เรื่องการหนีทหาร หรือไม่ผ่านการคัดเลือกทหารกองเกิน เป็นเรื่องที่มีความพยายามตรวจสอบกันมาอย่างยาวนานนับ 10 ปี นั่นเป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ไม่เคยไปจับใบดำใบแดง ไม่เคยได้เรียนวิชานักศึกษาวิชาทหาร เพียงแต่เคยเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

 
เรื่องนี้ก็เคยถูกนำมาอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง โดยในวันที่ 19 มีนาคม 2552 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขณะนั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ซักฟอกในประเด็นนี้ด้วยตนเอง เน้นไปในปมประเด็นที่ว่า เมื่อผ่อนผันไปเรียน แล้วเมื่อกลับมา ก่อนไปสมัครเข้าเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยจปร. ได้นำเอกสารทางการทหารไปแสดงได้ครบถ้วนตามกำหนดหรือไม่
 
 
ไม่ว่าจะเป็นใบสด.9 ที่แสดงการขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน ต้องแจ้งตั้งแต่อายุ 17 ปี และใบสด.8 ที่เป็นเอกสารรับรองการปลดประจำการ หรือเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 คือ พวกเรียนรด.จะได้รับ และใบสด.43 สำหรับคนที่ผ่านการเกณฑ์ทหารมาแล้ว เนื่องจากพบปมน่าสงสัยเรื่องของวันและเวลาการเอกสาร ที่อาจเชื่อได้ว่ามีบางอย่างข้ามขั้นตอนไป
 
 
แต่กรณีการอภิปรายดังกล่าวนั้น นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า มีเอกสารครบถ้วน แต่ยอมรับว่ามีปัญเรื่องการแจ้งผ่อนผันที่ล่าช้าเพราะเกิดความสับสนกับทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่เป็นผู้ให้ทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ และยืนยันว่า การสมัครเข้าโรงเรียนนายร้อย จปร. เป็นการสมัครโดยมีคุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งครั้งนั้น อภิสิทธิ์ ได้แสดง สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการยกเว้นผ่อนผันฯ และ สำเนา สด.9 ที่อ้างว่าเป็นฉบับแรก ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วย
 
 
รวมทั้งเรื่องนี้ เคยมีการฟ้องร้องหมิ่นประมาทกันมาก่อนหน้านี้อีกด้วย โดยในปี 2542 นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคความหวังใหม่ ได้แพ้คดีหมิ่นประมาทในเรื่องนี้ จึงต้องลงข้อความขอขมาในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ แต่ครั้งนั้นเป็นเรื่องของการเข้าใจผิดในเรื่องของการประดับยศ ซึ่งในกรณีล่าสุด ที่พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาเปิดเผย และยื่นเรื่องให้ทางผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการสอบสวนนั้น เป็นเรื่องของการพบหลักฐานใหม่ ที่เชื่อได้ว่า มีความพยายามช่วยเหลือในการให้เข้ารับราชการในโรงเรียนนายร้อยจปร. ซึ่งจะต้องสอบสวนให้ได้ว่า การได้มาของเอกสารต่างๆ ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่อย่างไร
 
เพราะอย่างที่มีข้อมูลให้ประจักษ์ได้ว่า การเป็นทหารเกณฑ์ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจของลูกคนมีเงิน ราวกับว่าการเข้าสู่รั้วของชาติในตำแหน่ง พลฯทหาร ดูจะไม่สมเกียรติกับตัวเอง และก็มักจะมีคำนินทาของชาวบ้านคนยากคนจนเสมอๆว่า มีเงินก็อุดไม่ให้เป็นทหารเกณฑ์ได้ ซึ่งคำพูดเหล่านี้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นจริงตามคำลอยลมหรือไม่
 
 
แต่จะว่าไปหากการมีช่องทางพิเศษให้ได้เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย เพื่อเลี่ยงจับใบแดงใบดำเพื่อเป็นพลฯทหาร แล้วได้เข้าไปเป็นทหารในระดับสัญญาบัตรทันที ก็อาจเป็นวิธีอ้างแบเท่ห์ๆว่า ได้เป็นทหารมาแล้วเหมือนกัน ก็อาจเป็นข้ออ้างตามแบบฉบับเป็นแบบนั้นก็เป็นได้
Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
189Article
76559Video
0Blog