รูปภาพที่โชติศักดิ์  อ่อนสูง เชิญชวนเพื่อนให้ไปดูหนังกันไหม เป็นภาพที่ปรากฎในเฟซบุ๊คของเขา หลังจากที่ข่าวเรื่อง  อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพฯ ใต้ สั่งไม่ฟ้องเขาและเพื่อนอีก 2 คน ตามข้อกล่าวหาว่า การไม่ยืนแสดงความเคารพ ในโรงภาพยนตร์ ระหว่างการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  

 

โดยอัยการ ได้มีหนังสือแจ้งไปยังสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา พร้อมระบุว่าได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า การที่ผู้ต้องหา ไม่ลุกขึ้นเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี และพูดว่า "ทำไมต้องยืนด้วยไม่มีกฎหมายบังคับ" นั้น  เป็นการกระทำดังกล่าว ที่ไม่ได้แสดงออกซึ่งวาจาหรือกิริยา ที่จะเข้าลักษณะ ดูถูก เหยียดหยาม ทำให้อับอาย เสียหาย สบประมาท ด่าว่า

 

ส่วนการกล่าวหรือโต้เถียงนั้น  ก็เกิดขึ้นหลังจากเพลงจบแล้ว แม้จะเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะสม และไม่อยู่ในบรรทัดฐานที่ประชาชนทั่วไปต้องปฏิบัติ แต่การกระทำของผู้ต้องหา ก็ยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่ามีเจตนาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ซึ่งผู้ต้องหาก็ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด  พยานหลักฐานจึงไม่เพียงพอ และอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่สั่งฟ้อง

 

คดีดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2550 จากกรณีที่นายนวมินทร์ วิทยกุล ขว้างปาข้าวโพดคั่วและกระดาษใส่  นายโชติศักดิ์ และเพื่อน เพราะพวกเขาไม่ยืนขึ้น เมื่อมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี    

 

ซึ่งนายโชติศักดิ์และเพื่อน ไปแจ้งความดำเนินคดีนายนวมินทร์ ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย  ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและ จิตใจ,  หมิ่นประมาทและดูหมิ่นซึ่งหน้า, ทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดฯ, และทะเลาะกันอื้ออึงในที่สาธารณสถานฯ 

 

ขณะที่นายนวมินทร์ แจ้งความกลับในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  ซึ่งพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีทำร้ายร่างกายไปตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2551 ขณะที่คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพิ่งสั่งไม่ฟ้องเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

 

นายโชติศักดิ์ เป็นนักกิจกรรมหนึ่งในเครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร และคดีของเขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง จนขณะนั้นมีการรณรงค์ " ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญกร  คิดต่าง ไม่ใช่อาชญากรรม " และมีผู้เข้าร่วมรณรงค์ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือนางสาวจิตรา คชเดช ที่ใส่เสื้อยืดสกรีนข้อความดังกล่าว ไปร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ กรองสถานการณ์ ทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ต่อมาก็ถูกบริษัทไทรอัมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนลแห่งประเทศไทย เลิกจ้างงาน โดยได้รับคำชี้แจงว่า ทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง