ไม่พบผลการค้นหา
ส.ส.มหาสารคาม เพื่อไทย ติงรัฐบาลกระจายวัคซีนโควิด-19 ช้า ยังไม่ครอบคลุมคนไทยทั้งประเทศ ฉีดได้เพียงร้อยละ 0.3 แต่ใช้งบฯกองทัพ ซื้ออาวุธ ซัดรัฐบาลหวังผลการเมืองผูกขาดเพียงฝ่ายเดียว

วันที่ 12 เม.ย. 2564 นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทยน่าเป็นห่วงมาก ทั้งนี้เพราะมีอัตราการติดเชื้อใหม่เร็วขึ้น และเราต้องอยู่กับโควิด-19 อีกนาน ซึ่งคนไทยต้องปรับตัวอยู่กับมันให้ได้ รวมทั้งต้องป้องกันตัวเอง ในขณะที่รัฐบาลต้องมีมาตรการที่รัดกุม ไม่ให้กระทบกับคนทำมาหากินที่ไม่เกี่ยวข้อง การปิดเมืองแบบเหวี่ยงแห สร้างผลกระทบกับเศรษฐกิจในภาพรวมอย่างแน่นอน

ในส่วนของการกระจายวัคซีน รัฐบาลดำเนินการช้ามาก รัฐบาลจองวัคซีนไป 63 ล้านโดส เทียบเท่ากับประชากรเพียง 31.5 ล้านคน ไม่ครอบคลุมจำนวนประชากร รัฐบาลดำเนินการเรื่องการจัดหาวัคซีนน้อยมาก หากเทียบกับงบประมาณ ที่รัฐบาลใช้กับการจัดซื้ออาวุธ ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญไม่เป็น ทั้งนี้หากรัฐบาลจัดการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มากกว่านี้ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่ง

นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ถึงเวลานี้รัฐบาลสามารถจัดให้มีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เพียง 300,000 คน หรือ ร้อยละ 0.3 จากจำนวนประชากรทั้งหมด น้อยกว่ากัมพูชาและน้อยกว่าเมียนมา ที่แม้จะมีปัญหาการเมืองในประเทศแต่กลับมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มากกว่าไทย สะท้อนว่ารัฐไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการวัคซีนให้ได้ประโยชน์กับประชาชน

“กรณีที่เกิดขึ้น ปัญหาเกิดมาจากรัฐผูกขาดการนำเข้าวัคซีน เพื่อประโยชน์ทางการเมืองเพียงอย่างเดียว หากเปิดให้เอกชนที่มีความพร้อม นำเข้าวัคซีนเพื่อบริการประชาชนจะช่วยคนไทยได้มากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ล่าสุดจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้เป็นที่คาดหวังว่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นคนตัดสินใจอยู่ดี ผลที่ออกมาเพราะรัฐหวังเอาหน้ากับประชาชน การนำวัคซีนโควิดมาหาประโยชน์จากการเมือง เอาชีวิตคนไทยมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เป็นความคิดที่เลวร้ายมาก” นพ.กิตติศักดิ์ กล่าว