พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระอัจฉริยภาพและสายพระเนตรอันยาวไกล เจริญสัมพันธ์ทางการฑูตกับประเทศญี่ปุ่น เพื่อขอปลานิลมาเพาะพันธุ์ในประเทศไทย และพระราชทานแก่ประชาชนให้ยึดเป็นอาชีพสร้างรายได้ในอนาคต รวมทั้งได้บริโภคอาหารที่อุดมด้วยโปรตีนสูงในราคาถูก
ปลานิล จัดเป็นปลาที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยคุณประโยชน์ด้านโปรตีนที่สูงถึง 5.69 กรัมต่อน้ำหนักหนึ่งออนซ์ มีโอเมก้า 3 มีไขมันอิ่มตัวต่ำ และแคลลอรี่น้อย จึงช่วยลดคลอเรสโตรอลในเส้นเลือดได้ ที่สำคัญคือหาซื้อง่าย มีรสชาติดี ปลานิล จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้บริโภคทั่วไป แต่สำหรับพระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แล้วกลับไม่โปรดเสวยปลานิล ทรงมีรับสั่งว่า “ก็เลี้ยงมันมาเหมือนลูก แล้วจะกินมันได้อย่างไร”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของสาเหตุที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงไม่โปรดเสวยปลานิล เริ่มจากปี พ.ศ.2507 เมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ต้อนรับพระจักรพรรดิอากิฮิโต ที่ขณะนั้นยังทรงเป็นมกุฎราชกุมาร แห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเสด็จเยือนประเทศไทย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเชื่อมความสัมพันธ์สองแผ่นดิน ด้วยวิธีแสนง่ายอย่างคาดไม่ถึง คือการเชิญมกุฎราชกุมารญี่ปุ่น ซึ่งสนพระราชหฤทัยในเรื่องปลาอยู่แล้ว ให้ไป"ทอดพระเนตรปลา"ด้วยกัน
"โปรแกรมชมปลา"ในครั้งนั้น ทำให้มกุฎราชกุมารญี่ปุ่น ทรงพระสำราญ เกิดเป็นความประทับใจ และพัฒนากลายเป็นความสนิทสนมเป็นการส่วนพระองค์ โดยเฉพาะเมื่อได้ทอดพระเนตร "ปลาบู่มหิดล" ปลาที่ถูกค้นพบในเมืองไทย เป็นครั้งแรกของโลก
จากนั้น ในปี พ.ศ. 2508 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทาน "ปลานิล" จากมกุฎราชกุมารญี่ปุ่น และได้ส่งลูกปลานิลมาทางเครื่องบิน ครั้งนั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทดลองเลี้ยงในบ่อดินภายในสวนจิตรลดา จากตั้งต้น 50 ตัว กลายเป็น 10,000 ตัว ภายในเวลา 1 ปี เพราะทรงเอาพระทัยใส่ ขุดบ่อเลี้ยงดูด้วยพระองค์เอง ส่งผลให้ปลานิลเจริญเติบโตและแพร่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น ทรงพระราชทานพันธุ์ปลานิลให้กรมประมง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน จนวันนี้ "ปลานิล" กลายเป็นปลาเศรษฐกิจ ที่ช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประเทศ
ปัจจุบันประเทศไทยมีฟาร์มปลานิล กว่า 3 แสนแห่งทั่วประเทศ มีผู้ที่อยู่ในระบบการเลี้ยง กว่า 1 ล้านคน คิดเป็นปริมาณกว่า 200 ล้านกิโลกรัมต่อปี ยังไม่รวมปลานิลที่เลี้ยงในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ที่มีอีกจำนวนมาก
เฉพาะช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้(59) ประเทศไทยส่งออกปลานิลและผลิตภัณฑ์ รวมกว่า 5,600 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 433 ล้านบาท โดยมีตลาดหลัก คือ สหรัฐอเมริกา
ด้วยวิสัยทัศน์ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่เพียงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่น มีความใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ด้วย "โปรแกรมชมปลา" เป็นจุดเริ่มต้นทางการทูต แต่ยังได้ก่อให้เกิดอาชีพ สร้างงานและรายได้ ให้กับประชาชน และประเทศชาติอีกด้วย