นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวพร้อมนายปิยบุตร แสงกนกกุล และกรรมการบริหารพรรคในวันนี้ (25 มี.ค) หลังทราบผลการนับคะแนนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
นายธนาธร กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่ศรัทธาพวกเรา ขอบคุณที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ในเวลา 1 ปีที่ผ่านมา พรรคเราจบการเลือกตั้งได้ เป็นลำดับที่ 3 มีผู้ลงคะแนนให้ 5.8 ล้านเสียง และถึงตอนนี้ พรรคอนาคตใหม่ น่าจะได้ ส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อเกิน 80 ที่นั่ง ซึ่งยกเว้นภาคใต้ ที่ยังไม่ได้ที่นั่ง ส.ส. เขต แม้หลายพื้นที่ ผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่จะมีโอกาสได้คะแนนจำนวนมากก็ตาม ซึ่งในอนาคต พรรคฯ ต้องทำงานอย่างหนักแน่นเพื่อให้มี ส.ส. ในทุกภาคให้ได้
อย่างไรดี สิ่งที่บ่งชี้ว่า วันนี้ พรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่พรรคระดับภูมิภาค แต่เป็นพรรคระดับประเทศไปแล้ว ขณะที่ในกรุงเทพฯ พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนน popular vote อันดับ 1 รวมกันได้ 8 แสนเสียงในกรุงเทพฯ แม้จำนวนที่นั่ง ส.ส. ในกรุงเทพฯ ไม่ได้อันดับ 1 ก็ตาม ดังนั้น การเลือกตั้งที่ผ่านมา จึงเป็นเพียงก้าวแรกของพรรคฯ และต่อไปนี้ พรรคฯ จะมุ่งมั่นสร้างการเมืองที่แข็งแกร่ง และยืดหยัดในอุดมการณ์ประชาธิปไตย
ยืนหยัดไม่เสนอชื่อ 'ธนาธร' เป็นนายกฯ พร้อมหนุนพรรคคะแนนสูงสุดเป็นแกนตั้งรบ.
นายธนาธร ยืนยันว่า หลักการการจัดตั้งรัฐบาล ตนพร้อมจะเป็นนายกฯ แต่พรรคอนาคตใหม่จะไม่เสนอชื่อนายธนาธรเป็นนายกฯ เพราะเชื่อว่า วินาทีนี้สังคมไทยต้องการยึดหลักการที่ถูกต้อง เพราะเราไม่ต้องการนำประเด็นนี้มาเป็นประเด็นต่อรองทางการเมือง แล้วจะไม่นำเรื่องนี้ไปสู่เด็ดล็อค จนจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ดังนั้น พรรคฯ จึงเชื่อว่า พรรคที่มีคะแนนเสียงลำดับที่ 1 ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และนายกฯ ต้องมาจากพรรคที่มีจำนวน ส.ส. มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง นี่คือการยืนหยัดในหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง
"พรรคอนาคตใหม่ตั้งขึ้นมาไม่ใช่เพื่อต่อรองเป็นนายกฯ แต่ตั้งขึ้นมาเพื่อผลักดันวาระที่ก้าวหน้า วาระที่เป็นประชาธิปไตยเพื่อสังคม เราตั้งใจหวังทำการเมืองในระยะยาว ไม่ใช่หวังตำแหน่ง หวังเก้าอี้ และพรรคอนาคตใหม่ให้น้ำหนักกับพรรคที่มีคะแนนอันดับที่ 1 เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ และหากแคนดิเดตของพรรคคะแนนอันดับหนึ่ง คือคุณหญิงสุดารัตน์ ก็ต้องให้กับคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะสิ่งที่พวกเราให้น้ำหนักคือการหยุดยั้งสืบทอดอำนาจเป็นสำคัญ" นายธนาธร กล่าว
พร้อมกันนี้ ต้องสร้างกลไกปิดสวิตซ์ ส.ว. ซึ่งมีความเป็นไปได้ หากพรรคการเมืองต่างๆ ที่ไม่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯ มาร่วมยกมือสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคที่มีคะแนนลำดับที่ 1 อีกทั้งในเวลานี้ พบว่าพรรคที่เสนอชื่อพล.อ. ประยุทธ์เป็นนายกฯ เช่น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) น่าจะมีที่นั่งในสภาฯ 116 ที่นั่ง พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) 5 ที่นั่ง และพรรคประชาชนปฏิรูป 0 ที่นั่ง ดังนั้นหากรวมแล้วจะได้ 122 ที่นั่ง
"เงื่อนไขปิดสวิตซ์ ส.ว. คือ จะต้องมี ส.ส. สนับสนุนพล.อ. ประยุทธ์น้อยกว่า 124 ที่นั่ง ดังนั้น ��มจึงขอเชิญชวนพรรคการเมือง นักการเมืองที่สนับสนุนหลักการประชาธิปไตยมาร่วมกันรับรองนายกฯ จากพรรคที่รวมเสียงข้างมากได้ ขอวิงวอนภาคประชาสังคม ให้ ส.ส. ให้พรรคการเมืองทุกพรรคมารวมกันปิดสวิตซ์ ส.ว. ที่สภาล่าง และนี่เป็นวิธีที่สันติวิธีที่สุด ที่จะไม่พาประเทศไทยไปสู่ความขัดแย้ง" นายธนาธร กล่าว
ยึด 3 หลักการ เงื่อนไขร่วมพรรคจัดตั้งรัฐบาล
ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า สำหรับเงื่อนไขร่วมจัดตั้งรัฐบาล สำหรับพรรคอนาคตใหม่ต้องการทำบันทึกความเข้าใจร่วม (เอ็มโอยู) ใน 3 ข้อ ได้แก่ หนึ่ง ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเพิ่มเติมหมวดบัญญัติหมวดใหม่ ให้ตั้งร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน และจบที่การออกเสียงประชามติรับรอง เพื่อให้รธน. ฉบับใหม่เป็นฉบับประชาชน เพื่อรื้อฟื้อจิตวิญญาณ รธน. 2540
สอง แก้ไขมรดกบาป คสช. ด้วยการ ปลดล็อค ม.279 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเป็นมาตราสุดท้ายที่ให้การคุ้มกันอำนาจหัวหน้า คสช. ไปชอบตลอดกาล ดังนั้นต้องปลดล็อคมาตรานี้ และ สาม ปฏิรูปกองทัพให้สอดคล้องกับสังคมประชาธิปไตย
26 มี.ค. ยื่น กกต.เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดของการจัดการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังกล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.) นายทะเบียนพรรคอนาคตใหม่ หัวหน้าพรรค และผู้สมัครส.ส. เขต 3 คน จะไปยื่นหนังสือกับ กกต. เพื่อให้เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดของการเลือกตั้ง ทั้งจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวนการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง และให้เปิดเผยเรียงหน่วยเลือกตั้ง
โดยยืนยันว่า พรรคอนาคตใหม่พร้อมเข้าไปดูข้อมูลนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลข่าวสารราชการจะแสดงความโปร่งใสของการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ นายปิยบุตรและนายธนาธร ยังตอบคำถามสื่อมวลชน ในเรื่องการร่วมจัดตั้งรัฐบาล ด้วยการยืนยันว่า พรรคที่ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นลำดับ 1 ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า จะร่วมกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ก็ต้องอยู่ใน 3 เงื่อนไขที่กล่าวไปแล้ว แต่ต้องยึดหลักการให้มั่นไว้
ส่วนนายธนาธร บอกว่า ส่ิงที่พรรคอนาคตใหม่ทำตอนนี้คือไม่อยากสร้างเงื่อนไขให้ประเทศไทยไปสู่ทางตัน และต้องการให้น้ำหนักกับการหยุดยั้งกับการสืบทอดอำนาจ คสช. มากกว่า ส่วนการสนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายกฯ แม้ว่าคุณหญิงฯ ไม่ได้เป็น ส.ส. นั้นก็เพราะกติกาตอนนี้ ทำให้คุณหญิงไม่ได้เป็น ส.ส.
"ดังนั้น จึงต้องปิดสวิตซ์ ส.ว. ด้วยการเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคที่ไม่สนับสนุน หรือไม่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ยกมือรับรองพรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 เป็นนายกฯ และขอยืนยันว่า จนถึงตอนนี้ ยังไม่ได้หารือกับพรรคการเมืองใด นอกจากเมื่อคืนนี้ที่ได้หารือกับพรรคเพื่อไทยบ้าง แต่ไม่ได้มีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี เก้าอี้ใดๆ และนี่คือการยืดหยัดถึงการหยุดยั้งอำนาจของ คสช." นายธนาธร กล่าว