ไม่พบผลการค้นหา
ปลัดกระทรวงทรัพฯ ยกกรณี 'ชัยวัฒน์' ถูกปลดราชการเป็นกรณีศึกษา ฝากข้าราชการขอให้อดทนอดกลั้น ทำงานโดยนึกถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ชี้ 'ชัยวัฒน์' ยื่นอุทธรณ์ได้

วันที่ 27 มี.ค. จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณี คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีมติให้ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (จังหวัดอุบลราชธานี) ออกจากราชการ ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้วหน่วยงานต้นสังกัด ได้พิจารณาโทษทางวินัยตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้มีมติชี้มูลภายใน 30 วัน

หากกระทรวงทรัพย์ฯ ละเลยไม่ดำเนินการจะเป็นการกระทำความผิดทางวินัย ถือเป็นการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีมติชี้มูลความผิด ชัยวัฒน์ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญาในขณะที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในข้อกล่าวหา เผาบ้านของ คออี้ มีมิ หรือ ปู่คออี้ ผู้นำจิตวิญญาณของชาวบ้านบางกลอย และบ้านของชาวบ้านอีก 98 หลังในพื้นที่บ้านบางกลอยบนเมื่อปี 2554

โดยคออี้ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี ชัยวัฒน์และพวกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน แล้วต่อมาคออี้ ได้ฟ้องเป็นคดีขึ้นสู่ศาลปกครองและคดีได้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ซึ่งศาลได้วินิจฉัยแล้วว่า ชัยวัฒน์ กับพวก ใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่กระทำความผิดในการรื้อถอนเผาทำลายทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้าง แล้วสำนวนได้ถูกส่งต่อไปยัง คณะกรรมการ ป.ป.ท. จนมีมติชี้มูลความผิดและได้ส่งรายงานพร้อมความเห็นให้กับหน่วยงานต้นสังกัด

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาชัยวัฒน์ เป็นบุคลากรที่มีความตั้งใจทำงาน มีผลงานโดดเด่น และมีความดีความชอบในการปฏิบัตงานด้านทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่องเสมอมา จึงมีมติให้ปลดออกจากราชการและยังมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเสมือนว่าผู้นั้นลาออกจากราชการ

ปลัด ทส. กล่าวอีกว่า ถือเป็นความสูญเสียบุคลากรที่มีศักยภาพ มีความมุ่งมั่น และทุ่มเทในการทำงาน จึงขอฝากถึงข้าราชการทุกคนทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนกลางและในพื้นที่ ขอให้มีความอดทนอดกลั้น ทำงานโดยนึกถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ศึกษาระเบียบปฏิบัติข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้ชัดเจน และประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างจริงใจ เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องสูญเสียบุคคลากรที่มีคุณภาพอย่างเช่นกรณีนี้อีก

ทั้งนี้ หากชัยวัฒน์เห็นว่ามติดังกล่าวไม่เป็นธรรมในระบบราชการพลเรือนสามัญมีการพิทักษ์ระบบคุณธรรมในราชการ โดยสามารถอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ได้ หรือสามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้เช่นกัน