นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกระแสข่าวที่ว่านายชวนจะรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แลกกับการที่พรรคจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า พรรคเคยมีการพูดกันภายในพรรคมาก่อนหน้านี้นานแล้วว่าถ้าบังเอิญพรรคประชาธิปัตย์ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในการเลือกประธานสภาฯ บุคคลที่เหมาะสมที่สุด คือนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ไม่เคยมีการพูดถึงตน เพราะตนเคยเป็นประธานสภาฯ มาแล้ว ซึ่งนายบัญญัติมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับตำแหน่งดังกล่าว แต่ในเมื่อนายบัญญัติปฏิเสธแล้ว ก็แสดงว่าเขาอาจไม่สนใจ และเราไม่ต้องพูดถึงกันอีกแล้ว ขณะเดียวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ก็มีความแม่นยำเรื่องข้อกฎหมาย แต่นายอภิสิทธิ์คงไม่สนใจตำแหน่งนี้เช่นกัน
สำหรับตนนั้น ในตอนนี้มีเป้าหมายที่อยากช่วยน้องๆ ที่สอบตกในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา และช่วยผู้ที่มาเป็น ส.ส. อย่าได้สอบตกในวันข้างหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าจะยังมีการเสนอชื่อของนายชวนในการลงมติเลือกประธานสภาฯ นายชวนจะรับหรือไม่
นายชวน กล่าวยืนยันว่า ไม่เคยมีการพูดถึงชื่อตน และพรรคไม่เคยมาพูดกับตนถึงเรื่องนี้เช่นกัน ขออย่าไปตั้งสมมติฐาน ให้รอฟังว่าที่ประชุม ส.ส. ของพรรคมีความคิดเห็นกันอย่างไร
ปัดยกหูหา 'ประวิตร'
ส่วนกรณีที่มีการเอ่ยชื่อนายชวนเข้ามาเกี่ยวข้องกับกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาล นายชวน กล่าวว่า แม้รู้จักกันอยู่ แต่ขอย้ำว่าไม่เคยโทรศัพท์พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
การพบกันครั้งล่าสุด คือในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ยอมรับมีเพียงคนใกล้ชิดของ พล.อ.ประวิตร ที่มาพูดคุยกับตนเป็นการส่วนตัว เพื่อมาอวยพรปีใหม่ แม้จะมีคนพยายามมาทาบทาม แต่ตนบอกไปว่าขอให้รอมีหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก่อน ตนเป็นแค่สมาชิก 1 เสียง ไม่ใช่หัวหน้าพรรค และไม่ได้หมายความว่าตนเป็นสมาชิกที่แก่กว่าแล้วจะมีคะแนนมากกว่าคนอื่น เมื่อตนพูดไปแบบนี้ มันก็จบ ไม่มีใครมาพูดอะไรอีก ดังนั้นขอยืนยันว่าความเข้าใจผิดต่างๆ ที่ออกมาไม่ใช่เรื่องจริง ตนเป็นคนพูดจริง ไม่เคยโกหก ถ้ามีใครติดต่อตน ตนก็ยอมรับว่ามีจริง มีคนทุกฝ่ายติดต่อมาหาตน เพราะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์บ้าง ทางไลน์บ้าง แต่ไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องการจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล ส่วนจะมีการติดต่อกับคนอื่นหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
นายชวน ยังกล่าวถึงข้อเท็จจริงที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนไม่เคยพูดเรื่องนี้ แต่พูดเพียงว่าไม่อยากให้ปัจจัยภายนอก เงิน หรืออะไรก็ตามมาแทรกแซงพรรค และขอให้สมาชิกตัดสินใจไปตามครรลองประชาธิปไตย ในอดีตเขาก็เป็นอย่างนี้ เพียงแต่ในอดีตเคยร่วมและไม่ร่วม สมัยนายเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เคยเชิญพรรคไปร่วมก็ไม่ได้ร่วม แต่สมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็ไปร่วม สมัยรัฐบาลของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่พรรคเคยจะเข้าร่วม แต่เมื่อมีข่าวเรื่องบุฟเฟต์คาบิเน็ต พรรคก็ถอนตัว ซึ่งไม่ถือว่าผิดปกติ แต่เราต้องรักษาเกียรติยศชื่อเสียงไว้ แต่เมื่อเราเห็นว่าเมื่อไปร่วมแล้ว มีการทุจริตโกงกิน พรรคจะไปสนับสนุนให้คนโกงกินไม่ได้ ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติที่ผ่านมา แต่หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส. จะมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร เราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ต้องเคารพมติ ซึ่งการเคารพมติทำให้พรรคอยู่ได้ถึง 73 ปี แต่ถ้าต่างคนต่างไม่เห็นด้วย พรรคก็ไปไม่ได้
โต้ 'พีระพันธ์' พูดข้างนอกก่อน ยันไม่ใช่ผู้มีบารมีแทรกแซงพรรค
นายชวน ยังกล่าวถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคย์ ส.ส. บัญชีรายชื่อออกมาระบุว่านายชวน ไม่ควรเอาเรื่องภายในมาพูดภายนอกว่า สาเหตุที่ตนให้สัมภาษณ์ข้างนอก เนื่องจากมีการออกข่าวตำหนิตนข้างนอกไม่ใช่ในพรรค ทำให้มีการขยายข่าวไปทั่วประเทศ จึงต้องอธิบายให้ที่ประชุมพรรคฟังว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการที่ปรึกษาพรรคก็เห็นว่าอะไรทั้งหลายควรจะอยู่ในห้องประชุม ซึ่งตนไม่เห็นด้วยเพราะกรณีนี้เขาเอาเรื่องตนไปพูดข้างนอกทำให้เสียหาย ตนจึงต้องชี้แจงเรื่องเป็นมาอย่างไร นายพีระพันธุ์ก็ปฏิเสธไม่ได้หมายถึงตน แต่ทั้งหมดเมื่ออ่านแล้วก็หมายถึงตน ซึ่งตนก็พูดให้ที่ประชุมฟังอย่างนี้ถึง 2 ครั้ง เรื่องก็จบ
เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นควรจะทำความเข้าใจกันหรือไม่ เพราะดูเหมือนนายพีระพันธุ์ ไม่เข้าใจ นายชวน กล่าวต่อว่า ไม่อยากทะเลาะกันเหมือนเด็ก ดีที่สุดคือพูดความจริง สมมติใครไม่พอใจใครก็เป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าจะไม่ยกมือไหว้ไม่นับถือกันก็ไม่เป็นไร แต่การนำไปวิจารณ์ข้างนอกในเรื่องที่ไม่จริง เป็นเรื่องเสียหาย ตนเข้าใจว่าคนที่ออกมาอาจจะไม่พอใจ ตนก็บอกว่าถ้าตนมีบารมีอาจจะทำอะไรมากกว่านี้ ที่บอกว่าตนไปแทรกแซง ขนาดที่จังหวัดตรังตนไม่ได้เข้าไปยุ่ง เพราะฉะนั้นตนไม่ได้ไปบีบบังคับให้ใครเลือกใคร แต่ว่าตนเลือกนายจุรินทร์ เพราะตนไม่มีอะไรที่จะไม่เลือกเขา ซึ่งได้บอกนายกรณ์ จาติวาณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อว่าการที่นายจุรินทร์เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเป็นการถางป่าให้คนอื่นมาเป็นหัวหน้าพรรคได้สะดวกขึ้น เพราะพรรคมีสภาพที่แพ้เลือกตั้งมามากมาย ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจะบายปลายหรือไม่ อยู่ที่การพูดความจริงว่าเรื่องเกิดจากอะไร ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้มีอะไรกับนายพีระพันธ์ แต่ที่พูดในที่ประชุมเพราะไม่อยากให้คนภายนอกมาแทรกแซงภายในพรรค
“ยืนยันว่าตลอด 72 ปีพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีคนแปลกปลอม ไม่มีอีแอบ หัวหงอก หัวขาว หัวดำ เพราะผมเป็นหัวสีเทา จึงอยากให้เข้าใจด้วย” นายชวน กล่าว