ไม่พบผลการค้นหา
แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยเดินหน้ารณรงค์ปฏิรูปกองทัพ-ลดงบทหาร ถาม ผบ.ทบ. ให้ฟังเพลงทำไม ต้องการปลุกใจทหารมารบกับประชาชนมือเปล่า? เตือนใจตัวเอง หรือเตือนใคร?

วอยซ์ออนไลน์สัมภาษณ์ 'ชัยเกษม นิติสิริ' อดีตอัยการสูงสุดและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในผู้ประกาศว่า ไม่เพียงแต่จะต้องปฏิรูปกฎหมายให้เกิดความเท่าเทียม แต่จะต้องปฏิรูปกองทัพและปรับลดงบประมาณของทหารลง พร้อมข้อเสนออย่างเป็นรูปธรรม 'ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร'

และเมื่อมีปฏิกริยาที่ต้องตีความจากผู้บัญชาการกองทัพบก พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ตอบเพียงสั้นๆ ต่อข้อเสนอดังกล่าวให้กลับไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน” เขาตอบเราไปตามหลักการเบื้องต้นของนักกฎหมายว่า ต้องพิสูจน์ให้ชัดก่อนว่า ผบ.ทบ. มีเจตนาอะไร

“ผมว่าคงต้องไปดูก่อนนะครับว่าที่ ผบ.ทบ ท่านพูดอย่างนี้เป็นการตอบคำถามที่ตรงกับคำถามไหม แต่เรื่องที่พาดพิงถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้มีการพูดถึงเรื่องที่จะมีการปรับลดงบประมาณ และเรื่องที่จะมีการปฏิรูปกองทัพจริงหรือไม่ เพราะถ้าเป็นจริงดังนั้นก็คงต้องตอบอย่างหนึ่ง แต่ถ้าไม่เป็นจริง ท่านปฏิเสธว่าท่านพูดเรื่องอื่นก็ไปตอบอีกอย่างหนึ่ง”

เมื่อวอยซ์ออนไลน์ถามต่อไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีที่ ผบ.ทบ.เอ่ยถึงเพลงนี้ ก็คือกระแสรำลึกประวัติศาสตร์ของเพลง “หนักแผ่นดิน” ว่า เป็นเพลงปลุกใจที่นำไปสู่ความรุนแรงทางการเมือง เป็นเพลงที่สะท้อนถึงวิธีคิดของทหารว่ามองคนอย่างแบ่งแยก แบ่งเป็นรักชาติ-ไม่รักชาติ แล้วเอาประเด็นนี้มาโจมตีคนที่เห็นต่าง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมตอบว่า ยังไม่ชัดเท่าไหร่ว่า ผบ.ทบ. มีเจตนาเช่นนั้นจริงหรือไม่

“ถ้าถามผม ผมว่ายังไม่ชัดเท่าไหร่ว่าท่านมีเจตนาอย่างนั้นจริงๆ ฉะนั้นน่าจะไปถามท่านกลับไปอีกสักครั้งหนึ่งนะครับว่าที่ท่านพูดอย่างนี้มาแล้วให้เปิดเพลงนี้ท่านต้องการความมุ่งหมายอย่างไร

“ถ้าท่านบอกซ้ำออกมาว่าให้ไปฟังเพลง ผมก็กลับไปนอนฟัง ผมไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยครับ แต่ว่าถ้ามีเจตนาที่จะปลุกเร้า ปลุกระดมให้เกิดความฮึกเหิมในการต่อสู้ขึ้นมา ผมก็ต้องถามว่า ท่านจะให้ทหารมาต่อสู้กับใคร กลับมาต่อสู้กับประชาชนที่ไม่มีอาวุธ แล้วก็เกิดการเสียหายล้มตายขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จะทำเหมือนในอดีตเช่นนั้นหรือ คดีความยังไม่ทันหาย คดีควายก็จะตามมา ผมคิดว่ามันคงไม่ถูก แต่ความชัดเจนในเรื่องนี้มันยังไม่มี”

ทั้งนี้ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยมองว่า ไม่เห็นความเชื่อมโยงอะไรเลย ระหว่างเพลงหนักแผ่นดินกับข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปกองทัพ

“ถ้าถามผม ผมว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวกัน เพราะเดาใจท่านไม่ถูก แม้ท่านจะพูดต่อเนื่องว่ามีความเห็นกับความเห็นของคุณหญิงหน่อยว่าอย่างไร แล้วท่านก็ตอบว่าให้ไปฟังเพลง ผมก็ไปฟังเพลงแล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าท่านหมายความว่าอย่างไร ว่าท่านเตือนตัวเอง หรือท่านเตือนคุณหญิงหน่อย หรือเตือนผม หรือยังไง มันไม่ความชัดเจน แมนๆ พูดออกมาให้ชัดเลยดีกว่าครับว่าจะเอายังไง”


นี่คือการตัดประเด็นว่าควรจะหยุดพูดเรื่องการปฏิรูปกองทัพ หรือหยุดพูดเรื่องการปรับลดงบประมาณทหารได้แล้ว ใช่หรือไม่?

“ถ้าท่านจะทำอย่างนั้นว่าไม่ให้ทำ ไม่ให้พูด ไม่ให้มาหาเสียงเรื่องนี้ ท่านก็พูดออกมาตรงๆ เพราะท่านก็เป็นเลขาธิการของ คสช. ก็ให้ คสช. ออกคำสั่งมาเลยครับว่าการออกมาหาเสียงห้ามพูดถึงการตัดงบประมาณของทหาร ห้ามพูดถึงเรื่องการปฏิรูปทหาร ถ้าเป็นคำสั่งออกมาตามมาตรา 44 ผมเองก็ไม่ฝ่าฝืนละครับ ยินดีปฏิบัติตาม คุณหญิงหน่อยก็น่าจะยินดีปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน” อดีตอัยการสูงสุดกล่าว และว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง และทำลายบรรยากาศการเลือกตั้ง

“ก็น่าเป็นห่วง เพราะเมื่อออกมาในลักษณะแบบนี้แล้ว คนก็ชักจะสงสัยว่า เอ๊ะ ท่านมีวัตถุประสงค์อย่างไร ซึ่งก็ทำให้มันทำลายบรรยากาศของการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นจริงๆ ผมอยากให้ถามท่านชัดๆ ว่าท่านหมายความว่าอย่างไร”


เดินหน้าหาเสียงรณรงค์ปฏิรูปกองทัพ ปรับลดงบประมาณทหารต่อไป

“ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะว่าอะไรที่เป็นสิ่งที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง เป็นประโยชน์ต่อประชาชน พรรคเพื่อไทยก็คงจะต้องเดินตามนั้นต่อไป แต่ทำได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร เราไม่ใช่พรรคที่จะหักด้ามพร้าด้วยเข่า เพราะฉะนั้น จะทำอะไร เมื่อถึงเวลาแล้วก็ต้องคุยกัน บางอย่างที่มันเกินเลยในเรื่องของกองทัพ สมควรต้องตัดออกก็ต้องตัดออก อะไรที่มีความจำเป็นต่อกองทัพ ก็ต้องให้ แต่ผมยังเชื่อว่าจากที่ผ่านมา เนื่องจากว่าไม่ได้อยู่ภายใต้รัฐบาลที่ปกติ ที่ผ่านมางบประมาณของกองทัพ-ถ้าดูจากข่าว ก็ใช้เกินเลยไปมาก อย่างเช่น ซื้อเรือดำน้ำ ผมคิดว่าประชาชน เจอใครก็บอกว่าไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น ซึ่งแบบนี้ก็อาจจะต้องมาคุยกันว่าจำเป็นอย่างไร ไม่ใช่ถึงเวลาก็มาหั่นๆๆๆ ทุกอย่างเป็นไปตามความเหมาะสม ตามเหตุผลอันสมควร”

ทั้งนี้ นายชัยเกษมระบุว่า ประเด็นการปฏิรูปกองทัพและลดงบประมาณทหาร เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้รับการสะท้อนมาจากประชาชน และเขาเห็นว่ามีพรรคการเมืองที่เห็นสอดคล้องกันในประเด็นดังกล่าวด้วย

“ผมเองก็เคยเห็นพ้องกับบางพรรคการเมืองด้วยซ้ำว่า เรื่องการเกณฑ์ทหารก็มีข่าวออกมามากมาย เกณฑ์ไปแล้วก็ไปใช้เขาผิดวัตถุประสงค์ เกณฑ์ไปแล้วก็ไปทำให้เขาบาดเจ็บเสียหาย

“จริงๆ คนอยากเป็นทหารมีเยอะ แต่เมื่อเขาอยากเป็นทหารแล้วให้เขาสมัครใจไปเป็นก็จะได้ทหารที่ดี และผมเชื่อว่าถ้าเราปรับปรุงสวัสดิการ คนเข้าไปเป็นทหารแล้วต้องได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกว่านี้ ลดจำนวนแต่คุณภาพดีขึ้น ขณะเดียวกันต้องฝึกเขา เป็นการฝึกที่ทำประโยชน์ให้กับสถาบันทหารได้จริงๆ อย่าไปฝึกเขาเลี้ยงไก่ อย่าไปฝึกเขาซักผ้า อย่าไปฝึกเขาล้างรถ ซึ่งพวกนี้มันไม่ใช่กิจที่จะให้พลทหารเขาไปทำ นอกจากจะดูไม่ดีแล้ว ผมว่ามันจะเสื่อมเกียรติของทหารด้วยซ้ำ” 


ปฏิรูปกองทัพ เลิกเกณฑ์ทหาร-ลดขนาดกำลังพล-ลดจำนวนที่ดินที่ถือครอง

นายชัยเกษมได้ลำดับความสำคัญ 3 อันดับแรกที่จะต้องทำหากจะปฏิรูปกองทัพ คือ

1) เลิกการเกณฑ์ทหารตามที่กล่าวไปแล้ว

2) ลดจำนวนของทหารที่มีมากเกินไป โดยเฉพาะชั้นผู้ใหญ่

"ที่เวลาเจอกันแล้วเขาบอกว่าเขาถูกประจำอยู่ที่โน่นที่นี่ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ถามว่าเบอร์ติดต่อ ก็มันไม่มีโทรศัพท์ เบอร์ไม่มี โต๊ะที่นั่งไม่มี สถานที่ไม่ชัดเจน คือพวกนี้เป็นกำลังพลที่เสียเปล่า กำลังเงินของประเทศที่เสียเปล่า เงินพวกนี้เอาไปช่วยเหลือด้านสุขภาพอนามัย ไปช่วยเหลือชาวนาคนยากไร้ ที่เราไปทำทั้งหลายนี่มันก็ยังเป็นประโยชน์มากกว่า นี่คือเรื่องเกี่ยวกับกำลังพลที่ผมคิดว่ามันต้องปรับนะครับ มันต้องปรับ จะปล่อยไปอย่างนี้เรื่อยๆ ไม่ได้หรอก"

3) เอาที่ดินมาทำประโยชน์อย่างอื่น

"ที่ดินที่ทหารครอบครองอยู่นี่นะครับ มันมีมากมาย ในบางจังหวัดมีเป็นแสนๆ ไร่ ถามว่าทำอะไร ก็เคยถามเหมือนกัน เขาก็บอกว่าใช้ลาดตระเวนบ้าง ใช้ฝึกบ้าง ถ้าใช้ฝึกก็โอเค ถ้าคุณมีความจำเป็นที่จะใช้ฝึก มันมีความจำเป็นก็ชี้แจงกันมา แต่ไม่ใช่ว่าครอบครองดูแลแล้วปรากฏว่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่ปรากฏว่าทหารเกณฑ์ก็เอามาเลี้ยงวัว แล้ววัวนั่นก็ไม่ใช่วัวของหลวงนะครับ วัวของนายทหารที่ควบคุมอยู่ อย่างนี้ผมไม่เห็นด้วย ผมว่าเอาอันนี้มาทำประโยชน์อย่างอื่น มาทำอย่างที่เขาเคยคิดจะทำ ผมเคยดีใจมากเลยนะ ที่เขาบอกจะเอาที่ทหารไปทำโรงขยะ เพราะจะไม่มีคนร้องเรียนเรื่องเผาขยะ ทำไฟฟ้าจากขยะ อย่างนี้นะ แต่ว่าเห็นคิดแล้วไม่มีใครทำ เพราะว่ามัน...ไม่รู้เหมือนกันฮะ ต้องไปถามเขาว่าทำไมไม่ทำ"

นายชัยเกษมย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้คือการสร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรสำหรับการเลือกตั้ง

"มีความรู้สึกเหมือนกับว่า ทหารนั้นแตะไม่ได้ วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ซึ่งผมว่าไม่ใช่หรอกนะ คุณก็เป็นข้าราชการคนหนึ่งเหมือนกัน การทำงานของคุณ การบริหารหน่วยงานของคุณ มันต้องอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาล และถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนแล้ว ผมคิดว่าก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยน จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ ไป มันก็เหมือนกับเป็นข้าราชการที่เอาเปรียบฝ่ายอื่นเขา ซึ่งเงินทองนี่นะ หายาก เอาไปช่วยคนอื่นเขาบ้างเถอะครับ"


กลับกรมกองคือวิธีช่วยเลือกตั้งที่ดีที่สุด

ท้ายสุด แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3 ของพรรคเพื่อไทยระบุว่า สิ่งที่ทหารทำแล้วเป็นประโยชน์ที่สุดก็คือ การกลับเข้ากรมกองไป

"ทหารควรจะอยู่ในกรมกองครับ ไม่ควรจะยุ่งเลย เพราะถ้าทหารออกมาแล้วต้องมาเดินทั่วหมด ทั่วบ้านทั่วเมือง คนเขาก็ไม่นึกหรอกว่าท่านจะมาช่วยการเลือกตั้งให้มันดี ให้มันสงบ เขาจะไปนึกว่าท่านนี่นะฮะ มาช่วยให้...อะไรล่ะ... ช่วยให้พรรคบางพรรค หรือช่วยพรรคที่รัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หรืออะไรอย่างนี้นะ แล้วทำให้เกิดบรรยากาศที่ไม่ดีนะ ท่านอยู่ในกรมกองของท่านนั่นล่ะ มันจะเป็นอะไรที่ผมว่าดีที่สุดนั่นแหละครับ ผมคิดว่าอย่างอื่นตำรวจเขาดูแลได้" นายชัยเกษมกล่าวทิ้งท้าย