นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณ 2563 เปิดเผยว่า การพิจารณางบประมาณในปีนี้ทางคณะกรรมาธิการจะมีการพิจารณาคำขอการใช้งบประมาณอย่างเข้มงวด ในทุกๆ หน่วยงานที่มีคำขอมาว่ามีการใช้งบประมาณ คุ้มค่าหรือไม่ เพราะด้วยงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ถือเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ดังนั้นในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย และเงินที่นำมาจัดทำงบประมาณเป็นภาษีพี่น้องประชาชน จึงต้องพิจารณาอย่างละเอียดทุกขั้นตอนทุกโครงการ
นอกจากนี้ในส่วนของการประชุมรัฐบาลให้เวลาในการพิจารณาเพียง 226 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับปีที่ผ่านมา รัฐบาลอ้างว่าเวลามีจำกัดต้องเร่งพิจารณา ทั้งนี้ทางกรรมาธิการซีกพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมขอขยายเวลาในการพิจารณางบประมาณ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมจากฝ่ายรัฐบาลในการพิจารณางบประมาณ
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการพิจารณาจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับงบประมาณของฝ่ายความมั่นคง กลาโหม และงบกลาง หากผู้ชี้แจงไม่สามารถชี้แจงได้ว่าของบไปทำอะไรหรือทำไมต้องเร่งดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นงบก่อสร้าง งบซื้ออาวุธ หรืองบก่อหนี้ผูกพันทางคณะกรรมาธิการคงไม่ยอม คาดว่าในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการจะมีการปรับลดงบประมาณลงไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
หากแพ้คดีเหมืองทอง คสช.ต้องชดใช้
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า สำหรับงบกลางที่มีการกันงบประมาณไว้กว่า 96,000 ล้านบาท เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีในการอนุมัติงบ
กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งใช้มาตรา 44 ประกาศคำสั่ง คสช. ระงับการสำรวจและประกอบกิจการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กระทั่ง บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ในประเทศออสเตรเลีย ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA)
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า หากไทยแพ้ต้องจ่ายค่าปรับไม่น้อยกว่า 36,000 ล้านบาท ทางคณะกรรมาธิการจะไม่ยอมให้เอาเงินภาษีประชาชนไปจ่ายค่าปรับ ถือเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสม เพราะเมื่อหัวหน้า คสช. สั่งปิด หัวหน้า คสช. จะต้องรับผิดชอบจะให้ประชาชนมาร่วมรับผิดชอบไม่ได้ ดังนั้นจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าจะไม่มีการนำเงินประชาชนไปใช้จ่ายโดยไม่เหมาะอย่างแน่นอน