ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจเดือนธันวาคมและไตรมาส 4/2562 สะท้อนอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปีและจีดีพีรวมในอัตราที่เท่ากันคือร้อยละ 2.5 

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้ว่า เศรษฐกิจในช่วงปลายปีที่ 2562 ปรับตัวดีขึ้นบ้างเล็กน้อยในหลายภาคส่วน 

• ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย

ฝั่งตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนธันวาคม ปรับขึ้นมาติดลบร้อยละ 1.7 จากเดิมที่ติดลบร้อยละ 7.7 ในเดือนพฤศจิกายน โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกน้ำมัน รวมถึงสถานการณ์การค้าโลกที่ดีขึ้น ซึ่งภาคการส่งออกที่ดียังเป็นผลต่อเนื่อง ไปถึงฝั่งการผลิตภาคอุตสาหกรรม การนำเข้าสินค้า และการลงทุนภาคเอกชน ที่ติดลบน้อยลงทั้งสิน โดยมีการนำเข้าที่ปรับตัวขึ้นมาเป็นบวกในเดือนธันวาคม 2562

อย่างไรก็ตาม ในฝั่งของภาคแรงงาน แม้ตลาดแรงงานจะปรับตัวดีขึ้น แต่ตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นกลับตกไปอยู่ในฝั่งลูกจ้างรายวันเป็นสัดส่วนมาก ทำให้แม้การจ้างงานมีสูงขึ้นก็ไม่ได้ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

อีกปัจจัยสำคัญที่บั่นทอนภาวะเศรษฐกิจไทย คือการใช้จ่ายภาครัฐที่หดตัวลงจากประเด็น พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ที่ล่าช้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งการเบิกจ่ายโครงการใหม่รวมถึงโครงการประจำบางโครงการ อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายการลงทุนของฝั่งรัฐวิสาหกิจที่เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม ในอัตราร้อยละ 12.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าก็เข้ามาช่วยไว้ได้บ้าง

ฝั่งการท่องเที่ยวซึ่งเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยช่วงปลายปีที่แล้วเห็นการเติบโตที่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะในฝั่งของตัวเลขนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญเป็นเพราะในปี 2561 ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนต่ำ จึงทำให้การเทียบอัตราการเพิ่มขึ้นได้ปัจจัยสนับสนุนจากภาวะฐานต่ำ โดยการที่ภาคบริการของไทยทำรายได้ได้ดี ส่งให้ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.24 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่ ธปท. ประเมินไว้

โดนสกัดดาวรุ่งตั้งแต่เริ่มปีใหม่

สำหรับการคาดการณ์อนาคตเศรษฐกิจไทยในปี 2563 นายดอน ชี้ว่าตัวเลขจีดีพีที่มองไว้คือร้อยละ 2.8 แต่เป็นการคาดการณ์ก่อนผนวกรวมปัจจัยลบในช่วงต้นปี เช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายปี 2563 และสถานการณ์ภัยแล้ง

อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขจีดีพีจะหลุดเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ แต่ฝั่ง ธปท. ยังไม่ได้มีการคำนวณตัวเลขกันใหม่ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ไวรัสโคโรนาจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยรุนแรงที่สุด เนื่องจากเป็นความเกี่ยวพันกับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

"ไตรมาสแรกยังไงก็หลุด การขยายตัว(นักท่องเที่ยวจีน) ยังไงก็ติดลบ" นายดอน กล่าว

ทั้งนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาสแรกของปี 2563 อาจจะติดลบได้ ขณะที่ตัวเลขการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาส 1/2562 โตประมาณร้อยละ 2.1 อีกทั้งการแพร่ระบาดยังส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของประชาชนจากความกังวลเรื่องการแพร่ระบาด และยังมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเช่นเดียวกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง;

• 'บาทอ่อน' สะท้อนปัญหาโคโรนา-งบประมาณ 63 ล่าช้า- ฉุดจีดีพีโตไม่ถึง 2.5%