ไม่พบผลการค้นหา
รายการ Wake Up News ประจำวันที่ 2 พฤษภาคม 2559

ความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทย
ข้าพเจ้าศึกษาและประมวลวิเคราะห์เนื้อหาสาระในบทความ 'Thailand's Democratic Failure' (ความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทย) นับว่าน่าสนใจยิ่ง นักปราชญ์ราชบัณฑิตชาวตะวันตกและอดีตเอกอัครราชทูตชาวสวิสส์อีกท่านหนึ่งได้กล่าวเมื่อครั้งมาเข้าเยี่ยมบิดาผู้ล่วงลับของข้าพเจ้า เอกอัครราชทูต หม่อมราชวงศ์สังขดิศ ดิศกุล เมื่อหลายปีก่อน ณ วังวรดิศ ถนนหลานหลวง อันถือเป็นคำคมทางรัฐศาสตร์ตราบนิรันดร์กาลว่า

๑) คุณความดีของใครก็ตามที่สร้างมาทั้งชีวิตด้วยความเหนื่อยยากแสนเข็ญจะหมดสิ้นลงเมื่อก้าวสู่ความเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัว
๒) หากคิดว่าตนมีดีมีความสามารถ หรือเก่งอยู่เพียงผู้เดียว และองค์กรกับประเทศชาติขาดคุณไม่ได้ นั่นแปลว่า วันสุดท้ายของคุณคงอยู่อีกไม่ห่างไกลเกินรอ
๓) การเลือกใช้คน ที่หมายถึงคนรอบข้าง ถือมีความสำคัญเพียงใดที่จะเป็นศรีแก่ตัว เพราะมันย่อมสะท้อนโดยตรงถึงตัวผู้ใช้หรือตัวผู้เป็นนาย กล่าวคือ ต้องสุภาพ มีอัธยาศัยไมตรีจิต ไม่ลืมตัว ไม่รู้น้อยแต่ทำอวดรู้มาก และไม่หยาบคาย
๔) เมื่อยังพูดกันถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ เรื่องเงินๆ ทองๆ และความร่ำรวย ถือพรรคพวกถือวงศาคณาญาติ เป็นสีเป็นฝ่ายเป็นศัตรู ลบหลู่ดูหมิ่นสถาบันสำค้ญของชาติ นิยมชมชอบคนรวยแม้เขาจะได้มาจากการโกงกินทุจริตไม่โร่งใส ไม่ต้องตั้งคำถามเลยว่าระบอบประชาธิปไตยจะไปรอดหรือไม่ เพราะนั่น คือ จุดจบและความล่มสลายของประชาธิปไตย
๕) ทั้งหลายทั้งปวงอยู่ที่พฤติกรรมเฉพาะตัว ที่เรียกว่าปัจเจกบุคคล พ่อแม่ ครูอาจารย์ ท่านสอนมาถือเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อให้ลูกหลานเป็นคนดีมีปัญญาในความเป็นนักปกครอง นักบริหาร และพลเมืองดีของชาติ ที่เหลือ 'ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน' คือ คำว่า 'ปัญญา' ที่เป็นกุญแจชีวิต ปัญญาไม่มีพื้นที่ให้ใช้กับคนไม่ดี คนทุจริตคดโกง และคนเนรคุณชาติเนรคุณแผ่นดิน
/ปนัดดา
๑ พ.ค. ๕๙

ที่มา : facebook/Panadda Diskul


 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
182Article
76558Video
0Blog