โศกนาฏกรรมที่ 'ฮิลส์โบโร' ซึ่งเป็นเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในวงการกีฬาอังกฤษ และเป็นตราบาปที่คาใจแฟนลิเวอร์พูลมานาน 27 ปี ได้รับการคลี่คลายลงแล้ว เมื่อล่าสุด ศาลพิพากษาให้เป็นการฆาตกรรม จากความผิดพลาดของตำรวจ
ญาติพี่น้องของเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุโศกนาฏกรรมที่ "ฮิลส์โบโร" รวมตัวกันร้องเพลง You'll Never Walk Alone ซึ่งเป็นเพลงประจำสโมสร "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังคณะลูกขุนที่ศาลในเมืองวอร์ริงตัน ของอังกฤษ ตัดสินให้โศกนาฏรรมที่ฮิลส์โบโร่ไม่ใช่อุบัติเหตุ หรือความผิดของเหล่าสาวกเดอะค็อป แต่เป็นการฆาตกรรม อันเกิดจากความผิดพลาดในการทำหน้าที่ของตำรวจผู้ควบคุมดูแลเหตุการณ์ในขณะนั้น
โศกนาฏกรรมที่สนามฮิลส์โบโร่ รังเหย้าของทีมเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ เกิดขึ้นในศึกฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบตัดเชือก ระหว่างทีมลิเวอร์พูล กับนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เมื่อวันที่ 15 เมษายนปี 1986 หรือ 27 ปีก่อน โดยก่อนเริ่มการแข่งขันแฟนบอลพากันเบียดเสียดเข้าชมเกมจนเกินความจุของสนาม เหตุเกิดบริเวณทางเข้าฝั่งเลปปิ้งส์ เลน เอนด์ ซึ่งเป็นอัฒจันทร์ของกลุ่มแฟนบอลลิเวอร์พูล
ความแออัด และโกลาหลที่เกิดขึ้นทำให้มีแฟนบอลขาดอากาศหายใจเสียชีวิตไป 96 ราย และบาดเจ็บมากถึง 766 คน นับเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับวงการกีฬาครั้งเลวร้ายที่สุดของอังกฤษ
คำพิพากษาก่อนหน้านี้ตัดสินให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งไม่มีใครต้องรับผิดชอบ โดยอ้างว่าเกิดจากแฟนบอลเมาสุรา และไม่มีตั๋วแต่แห่เข้าไปชมเกมกันจนแน่ขนัด ซึ่งเท่ากับเป็นการกล่าวโทษเหล่าสาวกเดอะค็อปของทีม "หงส์แดง" แบบกลายๆ สร้างความไม่พอใจให้กับญาติผู้เสียชีวิต ที่รวมตัวกันต่อสู้เรียกร้องให้รื้อฟื้นการสอบสวนอีกครั้งเมื่อปี 2012 จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) คณะลูกขุนกลับคำตัดสิน พิพากษาให้เป็นคดีฆาตกรรม พร้อมกล่าวโทษตำรวจผู้ควบคุมดูแลที่ทำงานผิดพลาดจนเกิดความสูญเสียดังกล่าว
เดวิด ครอมป์ตัน ผู้บัญชาการตำรวจเซาท์ ยอร์กเชียร์ คนปัจจุบัน แถลงยอมรับคำพิพากษา พร้อมขอโทษญาติเหยื่อที่ฮิลส์โบโร่ ที่ต้องต่อสู้คดียืดเยื้อและใช้เวลายาวนานเกือบ 300 วัน นับเป็นคดีที่ใช้เวลาพิจารณายาวนานที่สุดในระบบยุติธรรมของอังกฤษ ขณะที่นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ แสดงความยินดีกับแฟนบอลลิเวอร์พูล ซึ่งในที่สุดก็พ้นผิดจากตราบาปที่ค้างคาใจมานาน 27 ปี
จากนี้ไป กระบวนการยุติธรรมจะพิจารณาเอาผิด และกำหนดบทลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร การต่อสู้ครั้งนี้ สะท้อนได้ดีถึงความอดทน และความรักความสามัคคีของเหล่าแฟนบอล และญาติผู้เสียชีวิต ดั่งคำขวัญที่ว่า "คุณจะไม่เดินอย่างเดียวดาย" หรือ You"ll Never Walk Alone