ซีคอน สแควร์ ร่วมกับ ไทยประกันชีวิต จัดงานจำลองเหตุการณ์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ - กษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชผ่าน 3 ช่วงเหตุการณ์สำคัญตั้งเมื่อทรงพระเยาว์ การประกาศอิสระภาพ การทำศึกยุทธหัตถี พร้อมจัดโซนขายสินค้าจำนวนมาก เริ่ม 22 เม.ย. - 2 พ.ค.59 นี้

ซีคอน สแควร์ ร่วมกับ ไทยประกันชีวิต จัดงาน "ตำนานกษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" บนพื้นที่กว่า 1,500 ตารางเมตร ภายในงานเป็นการจำลองห้วงบรรยากาศเมืองอโยธยา และหงสาวดีในแบบฉบับ  Living Museum ที่ลานน้ำพุ ชั้น 1 ศูนย์สรรพสินค้าซีคอน สแควร์ ถนนศรีนครินทร์ สามารถเข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2559 นี้

จุดเน้นของงานจัดเป็นแบบบรรยากาศแห่งเมืองอโยธยา และหงสาวดี ที่คอยบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับวีรกษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชผ่าน 3 ช่วงเหตุการณ์สำคัญ คือ เมื่อทรงพระเยาว์ การประกาศอิสระภาพ การทำศึกยุทธหัตถี ผ่านการจำลองเหตุการณ์และสถานที่สำคัญ เช่น ลานชนไก่กีฬาที่พระองค์ทรงโปรด , พระบรมรูปจำลองหล่อด้วยเนื้อโลหะขณะทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง , ค่ายบัญชาการรบ , คลังอาวุธ , หุ่นจำลองการทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา , บัลลังก์นันทบุเรง , วัดธรรมมิการาช ,  กุฏิมหาเถรคันฉ่องที่ภายในได้อัญเชิญพระบรมรูปองค์จำลองหล่อด้วยเนื้อโลหะของพระสุพรรณกัลยา , หอกลอง และโรงม้า

  
นอกจากนี้ยังมีการแสดง แสง สี เสียง ยิ่งใหญ่อลังการ โดยมีเหล่าแม่ทัพนายกอง นักรบ ทั้งฝ่ายอโยธยา และหงสาวดี ออกมาสู้รบให้ประชาชนร่วมสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด สร้างความตื่นตาตื่นใจเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ยุคนั้น โดยการแสดงจะจัดขึ้นให้ได้ชมในวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 รอบ ในเวลา 14.00 น. และเวลา 17.00 น. ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน จนถึง 2 พฤษภาคม 2559

ทั้งนี้ยังจำลองบรรยากาศวิถีชุมชนการค้าขายของทั้งสองฝั่ง เริ่มที่โซนอโยธยา จะพบกับพ่อค้าแม่ค้าที่สวมชุดย้อนยุคขายอาหารไทยโบราณ  ขนมหวาน ห่อหมกโบราณ ผ้าซิ่น เครื่องทอง เครื่องเงิน และสินค้าอื่น ๆ ที่สะท้อนถึงการค้าขายในสมัยอโยธยาให้ผู้ร่วมงานได้จับจ่าย 

ส่วนในโซนหงสาวดีก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ขนอาหารคาวหวาน และเครื่องประดับพม่า ให้เลือกซื้อกันอย่างหลากหลาย โดยตั้งขายทั้งแบบบนแคร่ ในกระท่อมที่อยู่อาศัย ตั้งเรียงรายตลอดสองข้างทางของเมืองจำลอง

เกร็ดความรู้เพิ่มเติมสำหรับพระราชประวัติ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 

เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ขณะนั้นเมืองพิษณุโลกยอมอ่อนน้อมต่อหงสาวดี ต้องแปรสภาพเป็นเมืองประเทศราชไม่ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา ทำให้พระองค์ดำหรือสมเด็จพระนเรศวรต้องเสด็จพร้อมพระเชษฐภคินีพระสุพรรณกัลยาไปเป็นองค์ประกันที่หงสาวดี ในปีพ.ศ. 2107 โดยมีพระชนมายุเพียง 9 พรรษาเท่านั้น ระหว่างที่พระองค์ประทับที่เมืองหงสาวดีพระเจ้าบุเรงนองทรงให้องค์ประกันจากเมืองอื่น ๆ รวมทั้งพระองค์ดำได้รับการเลี้ยงดู และการศึกษาเป็นอย่างดี พระองค์ทรงศึกษายุทธศาสตร์ของพม่า วิชาศิลปศาสตร์ และวิชาพิชัยสงคราม รวมถึงยุทธวิธีของชาวต่างชาติที่มารวมกันอยู่ในกรุงหงสาวดี ทรงนำหลักวิชามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับเหตุการณ์ และสภาพแวดล้อมในการทำศึกได้เป็นเลิศ

หลังจากพระเจ้าบุเรงนองตีกรุงศีอยุธยาแตกในปีพ.ศ. 2112 ได้สถาปนาสมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวรครองกรุงศรีอยุธยาในฐานะประเทศราชของหงสาวดี กระทั่งพระองค์ได้หนีกลับมากรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาธรรมราชาได้ทรงพระราชทานนามให้ว่า "พระนเรศวร" และโปรดเกล้าฯให้เป็นพระมหาอุปราชไปปกครองเมืองพิษณุโลก ในปีพ.ศ. 2126 พระเจ้าอังวะก่อการกบฎ พระเจ้าบุเรงนองจึงเรียกระดมหัวเมืองขึ้นให้ยกกองทัพมาช่วยปราบ รวมถึงกรุงศรีอยุธยาด้วย สมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดให้สมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปแทน แต่พระองค์กลับไปช้า ๆ เพื่อให้การปราบเจ้าอังวะเสร็จสิ้นไปก่อน ทำให้พระเจ้านันทบุเรงแคลงใจคิดว่ากรุงศรีอยุธยาถูกพระเจ้าอังวะชักชวนให้เข้าด้วย  จึงเป็นเหตุโยงให้หงสาวดีจะประทุษร้ายพระองค์ เมื่อยกทัพถึงเมืองแครง จึงได้ทรงหลั่งน้ำลงสู่แผ่นดินด้วยสุวรรณภิงคาร (พระน้ำเต้าทองคำ) ประกาศอิสรภาพจากหงสาวดีต่อหน้าชุมนุมผู้เกี่ยวข้องทั้งปวง

ครั้นพระนเรศวรขึ้นครองราชเพียง 2 ปี พระเจ้าหงสาวดีโปรดให้พระมหาอุปราชายกทัพใหญ่เข้าตีกรุงศรีอยุธยา ซึ่งนำไปสู่สงครามยุทธหัตถีครั้งสุดท้ายของประวัติศาสตร์ชาติไทย และเป็นสงครามชี้ชะตาความเป็นเอกราชของกรุงศรีอยุธยา ด้วยพระปรีชาสามารถ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงดำรงเอกราชของกรุงศรีอยุธยาไว้ได้ กองทัพหงสาวดีพ่ายแพ้ถูกตีร่นไปจนถึงหงสาวดีอีกด้วย