ปัญหาการสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ ในเขตกรุงเทพมหานคร ถือเป็นปัญหาที่หมักหมมเรื้อรังมาอย่างยาวนานและส่งผลกระทบต่อการระบายน้ำในคลองสายหลัก รัฐบาลจึงมีแนวคิดจัดระเบียบชีวิตคนริมคลอง โดยใช้โครงการบ้านมั่นคงมาแก้ไขปัญหา โดยนำร่อง 'ย้ายคนให้พ้นจากคลอง' เป็นจุดแรกที่คลองลาดพร้าว

เสียงขานรับของประชาชน ในชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา ริมคลองลาดพร้าว เชิงสะพานไม้ 2 เขตหลักสี่ กับโครงการของรัฐบาล ที่เดินหน้าจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดที่ปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานคร และแม้ว่าหลายครอบครัว จะไม่อยากรื้อถอนบ้านเดิมที่อาศัยอยู่มานาน และมีความผูกพันธ์มาหลายทศวรรษแล้ว แต่หากยังดื้อดึงไม่ยอมย้ายออก ก็จะมีความผิดตามกฎหมายอาจถูกร้องฟ้องดำเนินคดีได้ และด้วยแนวทางการแก้ปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่รับปากว่าจะเข้ามาเยียวยาและหาที่อยู่ใหม่ใกล้พื้นที่เดิม หลังจากการรื้อถอนที่อยู่อาศัยออกจากริมคลองลาดพร้าว ก็ทำให้ชาวบ้านเหล่านี้พร้อมทำตามนโยบายของรัฐบาล แม้ว่าจะต้องเสี่ยงกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากนี้

คลองลาดพร้าวถือเป็นคลองนำร่องที่รัฐบาลเริ่มลงมือจัดระเบียบวิถีชีวิตคนริมคลอง ซึ่งพบว่า มีประชาชนอาศัยอยู่ตลอดทั้ง 2 ฝากฝั่งกว่า 17 ชุมชน 2,344 ครัวเรือน เฉพาะชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา มีอยู่ราว 200 หลังคาเรือน โดยทุกหลังจะต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากริมคลองให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

เจ้ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แสดงความเป็นห่วงปัญหาการก่อสร้างบ้านเรือนรุกล้ำคูคลอง ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามาพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ดีขึ้น โดยขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยให้แล้วเสร็จภายใน 10 ปีหลังจากนี้ 

ปัญหา 'คนบุกรุกคลอง' จนกลายเป็นชุมชนแออัด เป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน แต่กลับไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย การขับเคลื่อนของรัฐบาลชุดนี้จึงถูกมองเป็นเรื่องท้าทาย
โดยรัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายดำเนินการใน 9 คลองสายหลัก ที่มีความสำคัญในการระบายน้ำของ กทม. ระยะทางกว่า 128 กิโลเมตร จำนวน 18,415 ครัวเรือน

นับเป็นโจทย์ใหญ่ ที่รัฐบาลจะต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตคนจนในเมืองจากเดิมที่เคยอยู่ในสภาพของผู้บุกรุก มาเป็นผู้เช่าที่จะได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี