ไม่พบผลการค้นหา
คำพิพากษาของศาลอาญาที่มีคำสั่ง จำคุก 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา “ สรยุทธ สุทัศนะจินดา” นักเล่าข่าวชื่อดังวิกพระรามสี่ และ เจ้าของบริษัท ไร่ส้ม ได้สร้างปรากฏการณ์ที่สั่นสะเทือน ทั้งวงการสื่อสารมวลชน และวงการโฆษณา เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทวงถามมาตรฐานจริยธรรมสื่อ บานปลายถึงขั้น สปอนเซอร์น้อยใหญ่ แห่ถอนโฆษณา จนเจ้าตัวไม่อาจต้านทานกระแส ตัดสินใจประกาศยุติบทบาทหน้าที่พิธีกร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย

คำพิพากษาของศาลอาญาที่มีคำสั่ง จำคุก 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา “ สรยุทธ สุทัศนะจินดา” นักเล่าข่าวชื่อดังวิกพระรามสี่ และ เจ้าของบริษัท ไร่ส้ม ได้สร้างปรากฏการณ์ที่สั่นสะเทือน ทั้งวงการสื่อสารมวลชน และวงการโฆษณา เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทวงถามมาตรฐานจริยธรรมสื่อ บานปลายถึงขั้น สปอนเซอร์น้อยใหญ่ แห่ถอนโฆษณา จนเจ้าตัวไม่อาจต้านทานกระแส ตัดสินใจประกาศยุติบทบาทหน้าที่พิธีกร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย

การประกาศยุติบทบาทการทำหน้าที่พิธีกร นับตั้งแต่เย็นวันที่ 3 มีนาคม ของ พิธีกรข่าวชื่อดัง สรยุทธ สุทัศนะจินดา แม้จะให้เหตุผลว่า เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การปิดไมค์อำลาหน้าจอในครั้งนี้ เป็นเพราะเจ้าตัวไม่อาจต้านทานกระแสโจมตี ที่ถาโถมมาจากทุกทิศทุกทาง โดยเฉพาะการประกาศบอยคอต ต้นสังกัดอย่างช่อง 3 ที่ถูกโหมกระพือเป็นไฟลามทุ่ง บานปลายถึงขั้นลูกค้าทั้งบริษัทเอกชนและหน่วยงานรัฐ ถอนโฆษณาที่มีเม็ดเงินมหาศาลเป็นเดิมพัน

แรงกระเพื่อมจากคำพิพากษาจำคุกพิธีกรคนดัง ถือเป็นเรื่องที่มีอิทธิพลต่อทุกวงการ จับได้จากสัญญาณเข้มๆ ที่ออกมาจาก นายกรัฐมนตรี รวมไปถึงการปรามข้าราชการไม่ให้ไปร่วมรายการของพิธีกรคนดัง บวกกับการถอนโฆษณาจากทุกรายการของบริษัทไร่ส้ม ไม่ว่าจะเป็น สินค้าของเครือสหพัฒน์ ธนาคารออมสิน ที่เกิดขึ้นตั้งแต่มีการยื่นฟ้อง รวมถึงการถอนโฆษณาล่าสุดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่าง โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ รวมถึงบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่อย่างดีแทค และนี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่เจ้าตัวและสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ต้องรีบตัดไฟไม่ให้สร้างวามเสียหายในทางธุรกิจไปมากกว่านี้ แม้จะต้องแลกกับการเรตติ้งที่หายไป เพราะต้องไม่ลืมว่า สรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นเบอร์หนึ่งที่ของช่อง 3 สิ่งที่น่าวิเคราะห์ต่อไปก็คือ เค้กโฆษณาก้อนนี้ จะถูกช่วงชิงไปอยู่ในมือของค่ายไหนบ้าง สังคมจึงได้เห็นความเคลื่อนไหวที่มีนัยยะของสื่อหลายๆค่าย ที่พร้อมใจเสนอข่าวตอกย้ำเรื่องจริยธรรมสื่อ

แฟ้มคดีนี้ เริ่มหน้าแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2547 นายสรยุทธ ได้ตั้ง บริษัทไร่ส้ม จำกัด และเข้าทำสัญญาร่วมผลิตรายการ“คุยคุ้ยข่าว” กับ อสมท.  โดยมีข้อตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ไม่เกินครั้งละ 5 นาที หากเกินกว่าสัญญา ต้องจ่ายค่าปรับนาทีละไม่ต่ำกว่า 2แสนบาท

แต่ในช่วงปี 2549 สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท ตรวจพบว่า บริษัทไร่ส้ม ค้างจ่ายค่าโฆษณาเกือบ 100 ล้านบาท และแม้บริษัทจะรีบควักทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคืน อสมท. แต่ก็หนีไม่พ้นถูกดำเนินคดียักยอกเงินโฆษณา กระทั่งผ่านมานานเกือบ 10 ปี วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก สรยุทธพร้อมพวก โดยไม่รอลงอาญา

ในขณะที่กระบวนการทางกฎหมาย ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากจะท้าทายมาตรฐานทางจริยธรรมทางวิชาชีพสื่อ ยังถือเป็นกรณีศึกษา ที่วงการสื่อมวลชนไทย ต้องจารึกไว้เป็นหน้าหนึ่งประวัติศาสตร์ ในฐานะที่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กลายเป็นบุคคล ที่มีอิทธิพลต่อทุกวงการ อย่างน้อยที่สุดคนชื่อ สรยุทธ ก็มีบทบาทเปลี่ยนโฉมวงการสื่อ ขึ้นแท่นเป็นนักเล่าข่าวอันดับหนึ่งของเมืองไทย

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog