พันเอกเศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยถึงสาเหตุที่ทั่วประเทศเห็นป้ายนโยบายการปลูกกัญชาเสรีของ ภท.ว่า จริงแล้วการติดป้ายหาเสียงพรรคให้ความสำคัญในทุกนโยบาย และมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดีในหลายด้าน แต่กระแสการตอบรับเรื่องการปลูกกัญชาเสรี เป็นเรื่องหนึ่งที่คนรุ่นใหม่ เกษตรกร ประชาชนทั่วไป ชื่นชอบ เพราะสามารถสร้างรายได้ให้คนทั้งประเทศได้และยังสามารถเพาะปลูกในที่พักอาศัยได้
"การติดป้ายประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ เพราะมองเห็นว่าการปลูกกัญชาเสรี ต้องการให้เป็นพืชเศรษฐกิจ เพราะเรายึด แคลิฟอร์เนีย โมเดล ที่เขาทำแล้วประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้ ต่อปีมากถึง 1.9 ล้านล้านบาท และในอนาคตจะมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 4.6 ล้านล้านบาท
ดังนั้น เราจะปิดกั้นโอกาสที่คนไทย และรัฐบาลจะมีรายได้ทำไม พรรคภูมิใจไทยผลักดันนโยบายให้กัญชาให้เป็นพืชเศรษฐกิจ เพราะทรัพยากรของประเทศไทย มีดิน น้ำ อากาศ ที่สามารถทำสายพันธุ์กัญชาให้เป็นที่เบอร์ 1 ของโลก อีกทั้งประโยชน์ต่างๆ นั้นคุ้มค่า เพราะเป็นยารักษาโรค เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ในอาหารเครื่องดื่ม และเพิ่มการพักผ่อนสันทนาการในครัวเรือน" โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าว
พ.อ. เศรษฐพงค์ ยังระบุอีกว่า เมื่อเป็นรัฐบาลจะเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติด พ.ศ. 2522 ปลดล็อคให้ประชาชนทั่วไปสามารถปลูกกัญชาได้เสรี โดยขอย้ำว่าคนที่ปลูกกัญชาได้ต้องขึ้นทะเบียนกับทางรัฐบาลให้ถูกต้อง โดยแต่ละบ้านสามารถปลูกได้เพียง 6 ต้น เสียภาษีให้รัฐ ต้นละ 30 บาท ซึ่งรัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน กัญชา 1 ต้น ออกดอกได้ 1 กิโลกรัม 1 กิโลกรัม มีมูลค่า 70,000 บาท และ 1 บ้าน มี 6 ต้น สามารถสร้างรายได้ต่อปีคือ 420,000 บาท แนวคิดนี้พรรคภูมิใจไทยขอยืนยันว่า เราต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีรายได้ ตัดขาดการผูกขาดกับนายทุน เพราะเศรษฐกิจจะดีขึ้นประชาชนก็ต้องได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ดังนั้นเพียงแค่เปิดโอกาส คืนอำนาจให้ประชาชน ปากท้องก็ดีขึ้น ซึ่งรายได้ต่อปีคือ 420,000 บาท รายได้เพิ่มขึ้นคนจนลดลง ไม่ต้องรอเงินจากบัตรทุกชนิด
พ.อ.เศรษฐพงค์ ยังกล่าวถึงการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุถึงความเห็นการลงพื้นที่ ครม.สัญจรทุกสัปดาห์ นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางพรรคให้ความเห็นจริง ซึ่งหากเราเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลเราเองก็ไม่สามารถที่จะลงแบบเปะปะได้ การให้ความเห็นนี้ไม่ใช่การตอบโต้ พลเอกประยุทธ์ ซึ่งต้องขอบคุณที่ให้ความเห็นในฐานะผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่มีประสบการณ์ แต่การจะลงพื้นที่ใดต้องมีคณะทำงาน การกลั่นกรองในปัญหาที่สะสมยาวนาน การลงไปในจังหวัดต่างๆ ต้องไปเพื่อคลายความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก
โดยเราถือเป็นสถาบันการเมือง การลงแบบใกล้ชิดประชาชนถือเป็นเรื่องที่ดี บางปัญหาเราต้องฟังเอง ไปให้เห็นกับตา เราจะไม่ต้องต้องจินตนาการเพื่อช่วยเหลือ เพราะหากเรารอเพียงรายงานมันก็ไม่สามารถเข้าถึงประชาชนได้ ทุกคะแนนที่ทุกคนให้กับพรรคภูมิใจไทย เราก็จะตอบแทนด้วยการทำงานแก้ปัญหาความเดือดร้อนปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :