หมอเจี๊ยบ- พญ.ลลนา ก้องธรนินทร์ นางสาวไทยประจำปี พ.ศ.2549 โพสต์ภาพขณะสวมชุดป้องกันปฎิบัติหน้าที่แพทย์ในอินสตาแกรม Jeab_lalana ระบุว่าวันนี้ (31มี.ค.) ประเดิมใส่ท่อช่วยหายใจให้กับผู้ป่วยโควิด-19เคสแรก หลังจากฝึกซ้อมมาอย่างละเอียดรอบครอบ โดยหมอเจี๊ยบเล่าประสบการณ์ และเผยความรู้สึกไม่รู้สึกกลัวกับการปฏิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยตรงหน้า แต่กลัวเอากลับไปติดคนที่บ้าน 

“หลังจากฝึกซ้อมไป วันนี้ก็ประเดิมเคสแรกของรพ.เลยที่เป็นเคสโควิดแล้วต้องใส่ท่อช่วยหายใจ (เคสอื่นๆที่ผ่านมาไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ) การที่เข้าไปใกล้ชิดและทำหัตถการที่มีความเสี่ยงสูงต่อเชื้อโควิดแบบนี้ทำให้เรารู้เลยว่าพี่พยาบาลและคุณหมอด้านปอดและติดเชื้อหรือคุณหมอท่านใดก็ตามที่ต้องเข้ามาดูแลคนไข้แบบนี้ทุกๆวัน เค้าเสียสละขนาดไหน ถามว่าพวกเรากลัวเชื้อไหม ? ตอบตรงๆเลยว่า"กลัว" แต่....กลัวในด้านการเอากลับไปติดคนที่เรารักที่บ้านหรือติดคนอื่นมากกว่า ด้วยอาชีพของพวกเราตอนอยู่หน้างานไม่มีความรู้สึกกลัวเลยมีแต่ต้องทำภารกิจตรงหน้าให้สำเร็จเท่านั้น

ขอบคุณพี่โพธิ์ที่ดูแลอย่างดีก่อนส่งเข้าห้องและทีมพี่พยาบาลทุกคนที่ช่วยให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี

ในตอนนี้พวกเราพยายามจะปรับทุกอย่างให้เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด

เพราะห้องฉุกเฉินคือด่านแรกที่เราจะต้องพบเจอกับคนไข้ โดยไม่สามารถรู้ได้ก่อนว่าคนไหนจะมีโควิดหรือไม่ เราวางแผนกันทุกวันประชุมกันทุกวันให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดทั้งต่อบุคลากรทางการแพทย์และคนไข้ ตอนนี้มีหลายอย่างที่พวกเราต้องการความช่วยเหลือ เช่นเต้นท์ความดันลบสำหรับดูแลคนไข้ ห้องตรวจความดันลบที่สงสัยผู้ป่วยโควิด และอะไรอีกหลายๆอย่าง

ถ้าใครอยากจะร่วมกับพวกเราสู้โควิดไปด้วยกันสามารถบริจาคผ่านมูลนิธิ let's be heroes @lets.be.heroes.foundation ได้นะคะเจี๊ยบจะตัดยอดบริจาคตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือน พ.ค. จะนำยอดที่ได้เหล่านั้นมาสมทบทุนในการซื้อเครื่องมือและทำห้องดูแลผู้ป่วยโควิดค่ะ บริจาคได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิเล็ทส์ บี ฮีโร่ส์ เลขที่บัญชี 041-1-70885-3และสุดท้ายอยากจะบอกว่าพวกเราได้ยินเสียงปรบมือที่มาจากใจของทุกคนขอบคุณมากนะคะ พวกเราจะสู้เต็มที่ให้โควิด-19นี้หายไปซะทีแล้วสุดท้ายที่สุดจริงๆและ ห้องฉุกเฉินสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้นนะคะ”

ทั้งนี้มีแฟนคลับ และประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจหมอเจี๊ยบเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ในฐานะที่เป็นทัพหน้าสกัดกั้นมหันตภัยโควิด-19 เวลานี้นอกจากมีภาระหนักแล้ว ยังเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ที่ลุกลามรวดเร็ว