วันที่ 21 พ.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวแล้ว แต่เศรษฐกิจไทยยังคงย่ำแย่ ปีนี้ไทยจะขยายตัวได้เพียง 1% ซึ่งต่ำมาก หลังจากปีที่แล้วเศรษฐกิจไทยทรุดหนักถึง -6.1%
"ดังนั้นไทยจะต้องหาทุกวิธีทางในการฟื้นเศรษฐกิจ โดยนับถอยหลังไปอีกไม่ถึง 2 อาทิตย์ข้างหน้านี้ ในวันที่ 2 ธ.ค. 2564 ที่จะมาถึงนี้ ซึ่งตรงกับวันชาติของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รถไฟความเร็วสูง ลาว-จีน ก็จะเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ โอกาสทางธุรกิจ โอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาลกำลังจะเข้ามาในประเทศเพื่อนบ้านของเรา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการขนส่ง การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว รวมไปถึงการพัฒนาในทุกๆด้าน อาทิเช่น ด้านเกษตรกรรม ด้านอุตสาหกรรม ด้านเทคโนโลยีต่างๆ รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะมาพร้อมกับรถไฟความเร็วสูงโครงการนี้" กฤษฎากล่าว
กฤษฎากล่าวอีกว่า ในอดีต ประเทศลาวอาจถูกมองว่า เป็นประเทศที่มีประชากรน้อย รายได้ต่ำ การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและด้านเกษตรกรรม อาจจะไม่เหมาะ แต่ในปัจจุบัน เนื่องจากนวัตกรรมด้านการเกษตรและ ด้านอุตสาหกรรม รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ได้ถูกพัฒนาไปอย่างมาก ประกอบกับการที่ค่าแรงของประเทศลาวก็สูงขึ้นตามการพัฒนาประเทศ จึงทำให้ปัจจุบันทั้งด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม แรงงานถูกทดแทนด้วยเครื่องจักรและเทคโนโลยี ซึ่งมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้คนทำงาน
"ดังนั้นสิ่งต่างๆเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้น และบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งจะทำให้ลาว มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน คำถามที่สำคัญที่อยากฝากถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคือแล้วประเทศไทยของเราจะตกรถไฟขบวนนี้หรือไม่" กฤษฎากล่าว
กฤษฎากล่าวหากมองย้อนหลัง โครงการรถไฟความเร็วสูงนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นหนึ่งใน เมกะโปรเจ็ค ที่หลายรัฐบาล มีการวางแผน และทำการศึกษา เกือบที่จะได้ทำสำเร็จในสมัยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งในตอนนั้นหากได้มีการลงมือทำ ก็จะแล้วเสร็จในปี 2020 หรือปี 2563 ซึ่งก็คือ ปีที่แล้ว และจะเชื่อมกับรถไฟลาว-จีน ที่จะเปิดในวันที่ 2 ธ.ค. 2564 ที่จะถึงนี้ได้พอดี และจะทำให้การขนส่งสินค้าระบบราง ตรงจากกรุงเทพ-คุณหมิง การท่องเที่ยว การค้า การลงทุนต่างๆ โอกาสทางธุรกิจมหาศาลจะตามมาอย่างแน่นอน
"แต่หากวันนี้ ประเทศไทยไม่รีบฉวยโอกาสลงมือทำอะไร ไทยจะเสียโอกาสอย่างมาก และจะทำให้ไทยถอยหลังและล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านอย่างแน่นอน ตัวผมเองในฐานะที่เป็น ส.ส. ในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย วันนี้ยังไม่เห็นเลยว่า รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมอย่างไรไว้บ้าง วันนี้สะพานแห่งที่ 2 ที่ควรจะต้องเร่งสร้างให้แล้วเสร็จ เพื่อรองรับปริมาณรถขนส่ง รถโดยสารและรถไฟในอนาคตก็ยังไม่เกิด แม้แต่ CY หรือ Container Yard ที่จะมารองรับการขนส่งสินค้าและลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการก็ยังไม่แล้วเสร็จดี การเตรียมความพร้อมด้านการท่องเที่ยว ที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจากจีน ลาว เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ก็ดูจะยังไม่พร้อม โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ดูจะล่าช้าไปหมด เศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดหนองคาย ก็ยังมีแต่ชื่อเหมือนเดิม วันนี้เราได้แต่รอคอยแต่ไม่มีการดำเนินการ" กฤษฎากล่าว
คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า ในโลกปัจจุบัน การพัฒนาประเทศเป็นเรื่องสำคัญ แต่การพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงนั้น ยิ่งสำคัญกว่า หากทุกวันนี้ไทยยังเป็นประเทศที่ต้องพึ่งการส่งออก และการท่องเที่ยวเป็นหลัก เรายิ่งต้องให้ความสำคัญว่าวันนี้แต่ละประเทศ กำลังเดินไปทางไหน ทิศทางในการพัฒนาจะเป็นอย่างไร โจทย์ที่สำคัญคือ การสร้างรายได้ และการดึงเอารายได้เข้าประเทศจะทำได้อย่างไร และการที่จะดึงดูดนักลงทุน นักท่องเที่ยว เข้ามาในประเทศให้ได้มากที่สุด
"เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างมากที่ทุกวันนี้ ประเทศไทยไม่เพียงไม่ดึงดูดนักลงทุน แต่หากนักลงทุนไทยเองกลับไหลออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะรอไม่ไหวจริงๆ กับการพัฒนาที่ล่าช้าและไม่ตรงทิศทางโลก เพราะความไม่เข้าใจเศรษฐกิจของรัฐบาลในปัจจุบัน ภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไทยจะต้องเสียหายและถอยหลังไปอีกนานแค่ไหน" คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าว
คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่าการพัฒนารถไฟความเร็วสูงของไทยเพื่อเชื่อมต่อกับประเทศลาวเพื่อเชื่อมต่อไปประเทศจีนเพื่อพัฒนา การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว จะเป็นนโยบายหลักและเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อฟื้นการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย โดยจะต้องมีโครงข่ายการคมนาคมแบบใยแมงมุมเพื่อเชื่อมต่อจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานเพื่อให้ได้ประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่และถ้วนหน้า
"หากมีการเลือกตั้งและประชาชนให้ความไว้วางใจพรรคเพื่อไทยโดยจะมีผู้นำเป็นคนรุ่นใหม่มาบริหารประเทศ เชื่อได้ว่าการพัฒนาของประเทศในด้านต่างๆจะรวดเร็วเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับไปรุ่งเรืองเหมือนในอดีตได้อย่างแน่นอน" คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าว